นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุม เรื่อง มาตรการเกี่ยวกับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน) หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารว่า กระทรวงคมนาคม ได้เล็งเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสาร จึงได้ร่วมหารือกับ บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ในฐานะผู้รับสัมปทาน เพื่อหาแนวทางในการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในภาวะค่าครองชีพที่สูงในปัจจุบัน โดยคงอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินในราคาเดิม เริ่มต้นที่ 17 บาท สูงสุด 42 บาท พร้อมส่วนลดพิเศษสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ 50% และสำหรับนักเรียน นักศึกษา 10% ของอัตราค่าโดยสารบุคคลทั่วไป ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 65
อนึ่ง ที่ประชุม ครม. วานนี้ (28 มิ.ย.) ได้มีมติเห็นชอบการปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่กำหนดในสัญญาสัมปทาน จากปัจจุบันอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 17 - 42 บาท เป็น 17 - 43 บาท โดยเพิ่มขึ้น 1 บาท สำหรับการเดินทางสถานีที่ 6, 9, 11 และ 12 ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 65 จนถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 67
รมว.คมนาคม กล่าวว่า การปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน เป็นการดำเนินการภายใต้สัญญาที่ครบกำหนด 24 เดือน ตามดัชนีราคาผู้บริโภค โดยจะปรับค่าโดยสาร 1 บาท จำนวน 4 สถานี ซึ่งการหารือกับเอกชน ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่มีปัญหาราคาพลังงาน จึงได้ให้เอกชนพิจารณาแนวทางแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้ประชาชน โดยเอกชนให้ความร่วมมือในการตรึงอัตราค่าโดยสารเดิม เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนจะมีการขยายการตรึงอัตราค่าโดยสารเดิมออกไปอีกหรือไม่ ขอให้รอดูสถานการณ์ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร เพราะพิจารณาจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ที่ระดับ 3 แสนกว่าคน/วัน ซึ่งหากดูจากผลการศึกษากรณีไม่มีเรื่องโควิด-19 จะต้องมีผู้โดยสารที่ 4-5 แสนคน/วัน
รมว.คมนาคม เชื่อว่า ภายหลังการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยยกเลิก Thailand Pass ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 65 สถิติการเดินทางเข้าประเทศจะมีมีแนวโน้มเชิงบวก โดยในช่วงไฮซีซั่นจะมีการเดินทางมากขึ้นแน่นอน ซึ่งในเดือนมิ.ย. 65 จำนวนผู้โดยสารทั้ง 6 สนามบินของ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) รวมถึง 6 แสนคน เฉลี่ยประมาณ 20,000-30,000 คน/วัน ทั้งนี้ในปี 65 น่าจะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยมากกว่า 10 ล้านคนแน่นอน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการเป็นเจ้าภาพ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หารือกับสมาคมโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ในการร่วมมือกันทำแพ็คเกจโปรโมชั่นสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อเป็นแรงจูงใจมากขึ้น