นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ว่า วันนี้เป็นการหารือแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากเล็งเห็นว่ารายได้การท่องเที่ยวของกทม. ในปี 62 มีมูลค่าถึง 8 แสนล้านบาท ดังนั้น ในอนาคตการท่องเที่ยวจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ ที่ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย และสร้างงานให้คนกทม. อย่างไรก็ดี ททท. จะต้องเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก จึงได้หารือจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน เนื่องจากกทม. ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเรื่องการท่องเที่ยว เป็นแค่ผู้อำนวยความสะดวก และดูแลโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคให้
ทั้งนี้ ในการหารือได้เน้น 216 นโยบายของชัชชาติ ที่สอดคล้องกับการดำเนินการเรื่องท่องเที่ยว เช่น เรื่องอัตลักษณ์ของย่าน 50 อัตลักษณ์ เพื่อหาคุณค่าทางวัฒนธรรม และจัดทำ 12 Festival ซึ่งจะต้องมีการตั้งคณะทำงานมาพูดคุยกัน โดยอาจมีมากกว่า 1 เทศกาลใน 1 เดือน สำหรับเทศกาลที่น่าสนใจ เช่น เทศกาลแข่งเรือยาว, เทศกาลดอกไม้, เทศกาลหนังกลางแปลง และเทศกาลคราฟ เป็นต้น ขณะที่ ททท. ก็มีการจัดเทศกาลหลายอย่าง เช่น Amazing Thailand Marathon ซึ่งอาจเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกได้
"กิจกรรมต่างๆ ที่จะจัดขึ้น จะเป็นกิจกรรมที่สร้างความสนุก และกระตุ้นเศรษฐกิจ การนำ Soft Power ที่มีมาใช้ จะทำให้ประเทศกลับมาเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก และสร้างรายได้ให้กับประชาชนได้" นายชัชชาติ กล่าว
นอกจากนี้ กทม. กับ ททท. ยังมีการผลักดันร่วมกันอีกหลายโครงการ เช่น มีแผนพัฒนาตลาดนัดจตุจักร ให้เป็นตลาดระดับโลก โดย ททท. จะดูเรื่องข้อมูลความต้องการของลูกค้าต่างชาติ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องคลอง ที่มีแนวคิดย้อนกลับไปถึงเวนิสตะวันออก ทั้งนี้ อาจขยายผลโครงการของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม. โดยต่อยอดการดำเนินการเรื่องคลองไปถึงคลองแสนแสบ หรือคลองอื่นๆ ในฝั่งธนบุรี เช่น คลองภาษีเจริญ คลองบางมด เป็นต้น โดยมีนโยบายทำทางเดินริมน้ำ ดูเรื่องคุณภาพน้ำ และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว โดยหากทำโปรแกรมท่องเที่ยวริมน้ำได้ ก็จะเป็นการสร้างรายได้ให้คนในชุมชนด้วย
นายชัชชาติ กล่าวว่า สิ่งสำคัญอีกเรื่องที่มีการหารือกัน คือ แบรนด์ดิ้ง กทม. ให้เข้มแข็ง มีมิติ ซึ่งอาจต้องมีสื่อหลากหลายรูปแบบตามกลุ่มลูกค้า สร้างเนื้อหาให้มีความสอดคล้องกับคนในประเทศ และต่างประเทศ โดยช่วงแรกจะเน้นลูกค้าในประเทศ เพราะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากขณะนี้ลูกค้าต่างประเทศยังอ่อนแออยู่
"นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือเรื่องตลาดนักท่องเที่ยวว่า ปัจจุบันเปลี่ยนไป มีนักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดียมากขึ้น ดังนั้น จึงต้องมีการพูดคุยกับทางอินเดียว่า จะทำคอนเทนต์อย่างไรให้สอดคล้องกับลูกค้าจากอินเดีย" นายชัชชาติ กล่าว
ทั้งนี้ กทม. มีหน้าที่รับผิดชอบโครงสร้างพื้นฐาน เรื่องความปลอดภัย ความสะดวก ห้องน้ำสาธารณะ เส้นทางต่างๆ ให้นักท่องเที่ยว โดยมองว่าการหารือครั้งนี้เป็นวาระมิติที่ดี และเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะเป็นตัวสำคัญที่จะผลักดันเศรษฐกิจให้กลับคืนมา อย่างไรก็ดี ต้องมองอย่างเป็นรูปธรรม และตั้งเป้าหมายให้ชัด ในทุกเดือนต้องมีความก้าวหน้า และแผนการปฏิบัติงานออกมา
"การที่กรุงเทพฯ พัฒนาได้ ไม่ได้เป็นเพราะกทม. เป็นคนทำ แต่ต้องร่วมมือกับทุกภาคส่วน ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นสัดส่วนใหญ่ของเอกชนที่อยู่ในกทม. ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร รวมไปถึงมีคนที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ทั้งรถโดยสาร แท็กซี่ สามล้อ ดังนั้น ถ้าอยากให้เศรษฐกิจกลับมา การท่องเที่ยวต้องฟื้น" ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการขายมวนกัญชา ที่ถนนข้าวสาร ว่า จะมีการหารือเรื่องนี้กับทางตำรวจอีกครั้ง เนื่องจากตำรวจมีอำนาจในการจับกุมเรื่องยาเสพติด ขณะเดียวกันจะดูว่าอำนาจของ กทม. มีขอบเขตมากน้อยเพียงใด ซึ่งอาจจะมีการสุ่มตรวจโดยไม่บอกล่วงหน้า