นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "การกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศไทยด้วยมาตรการการเงินและการคลัง" ในงาน FTI EXPO 2022 โดยส่วนหนึ่งของการบรรยายได้กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกมาตรการการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์ขัดแย้ง ยูเครน-รัสเซีย แล้วรวม 8 มาตรการ คือ 1.มาตรการตรึงราคาขายปลีกก๊าซ NGV 2.มาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซล 3.มาตรการบริหารราคาน้ำมันดีเซล 4.มาตรการขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน 5. มาตรการช่วยเหลือด้านราคาก๊าซ LPG 6.มาตรการประหยัดพลังงานทั้งภาครัฐและเอกชน 7.มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมภายในประเทศ 8.มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดนิทรรศการและงานแสดงสินค้าในประเทศไทย
โดยหลังจากการกล่าวปาฐกถา รมว.คลัง ได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ "การสนับสนุนผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการดำเนินธุรกิจ" ระหว่างนายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ สอดรับกับนโยบายการเปิดประเทศ และการส่งเสริมการค้าการลงทุน โดยเฉพาะการเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่ง บสย.ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ สังกัดกระทรวงการคลัง ภายใต้วิสัยทัศน์ "เป็นศูนย์กลาง การเชื่อมโยงเงินทุน และโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SMEs" มี 2 บทบาท บทบาทแรก คือ การเป็น Credit Enhancer ออกหนังสือค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs ใช้แทนหลักประกันในการยื่นกู้กับสถาบันการเงิน เป็นการลดต้นทุนด้าน Credit หรือ Credit Cost
บทบาทที่สอง คือ การเป็นศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน F.A. Center และหมอหนี้ เพื่อให้คำปรึกษาทางการเงิน Financial Literacy ไม่ว่าจะเป็นด้านการขอสินเชื่อ ด้านการพัฒนาธุรกิจ ด้านการปรับโครงสร้างหนี้ และการแก้ไขหนี้ ตามนโยบายของกระทรวงการคลัง ซึ่งที่ผ่านมา F.A. Center ได้ให้คำปรึกษาและการช่วยเหลือ SMEs ไปแล้วมากกว่า 8,000 ราย นับเป็นความต้องการวงเงินสินเชื่อกว่า 10,000 ล้านบาท
การลงนามความร่วมมือ "การสนับสนุนผู้ประกอบการ ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อการดำเนินธุรกิจ" ระหว่าง ส.อ.ท.และ บสย. ในวันนี้ จะเป็นอีกก้าวหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตอบรับการเปิดประเทศ เพื่อผลักดันการเสริมสร้างให้ผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเป็นผู้ผลักดันให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมสามารถรักษาเสถียรภาพของธุรกิจและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ จึงเป็นที่มาของโครงการความร่วมมือกับ บสย. โดย บสย. จะสนับสนุนด้านความรู้ทางการเงินและธุรกิจ ดำเนินกิจกรรมให้ความช่วยเหลือแก่สมาชิก ส.อ.ท. ให้เข้าถึงแห่งทุนเพื่อการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพยกระดับศักยภาพด้านต่างๆ ได้แก่ การให้คำปรึกษาด้านการเงิน ผ่านศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs หรือ บสย. F.A. Center ทั้งด้านการเตรียมความพร้อมก่อนขอสินเชื่อ การบริหารจัดการเงินทุน การปรับโครงสร้างหนี้ และการพัฒนาธุรกิจ
ทั้งนี้ ในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา มีสมาชิกของ ส.อ.ท. ให้ความสนใจรับคำปรึกษาด้านการเงินภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวกว่า 200 บริษัท การอบรมให้ความรู้ "รู้ข้อดีบัญชีเดียว พร้อมตัวช่วย" และ "การวิเคราะห์งบการเงินสำหรับ CEO " ซึ่งหลังจากนี้จะให้ความร่วมมือในกิจกรรมอื่นๆ ทั้งการช่วยเหลือด้านการค้ำประกันสินเชื่อแก่สมาชิก ส.อ.ท. การพัฒนาธุรกิจด้านต่างๆ อาทิ ด้านการตลาดและเทคโนโลยี การเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในกระบวนการผลิต การส่งเสริมและผลักดันสมาชิกสู่ BCG ECONOMY MODEL