นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และคณะกรรมการติดตามวิเคราะห์ผลกระทบในอนาคต วานนี้ (4 ก.ค.) ว่า การประชุมในครั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อม และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ทุกฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างทันที
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้นำเสนอแผนการเตรียมความพร้อมกรณีเกิดเหตุคับขัน วิกฤติด้านพลังงาน ด้านอาหาร และพืชผลทางการเกษตร พร้อมทั้งเตรียมข้อเสนอด้านกฎหมาย ไว้ใช้ยามจำเป็นเพื่อดูแลประชาชน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ประเมินว่า วิกฤติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงจะดำเนินต่อไปอีก โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง อย่างไรก็ดี ยืนยันว่า ประเทศไทยมีโอกาสน้อยที่จะขาดแคลนอาหารและพลังงาน
ในส่วนของแหล่งพลังงานเพิ่มเติม ได้เตรียมหารือกับผู้ผลิตในประเทศ ขอความร่วมมือในการเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ด้านพลังงานไฟฟ้า ได้เตรียมการเพิ่มกำลังการผลิตจากแหล่งผลิตเดิมที่มีอยู่ อาทิ การเลื่อนแผนการลดการใช้ถ่านหินที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง ออกไปก่อน เพื่อรักษาเสถียรภาพของไฟฟ้าในประเทศไม่ให้ไฟดับ ซึ่งถือเป็นหลักสำคัญที่ต้องทำให้ได้
ส่วนการสำรองพลังงานได้ทำการขยายระยะเวลาสำรอง อาทิ น้ำมันดิบเคยสำรองไว้ 30 วัน ก็ขยายเพิ่มเป็น 70 วัน และก๊าซ LPG มีสำรอง 15-20 วัน ส่วนการขอความร่วมมือจากโรงกลั่น ในการนำส่งกำไรเข้ากองทุนน้ำมัน เชื่อว่าจะเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมในเร็ววันนี้ และต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด