นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนา "ก้าวใหม่เศรษฐกิจการเงินภาคใต้? ปรับกระบวนทัพ รับกระแสโลก" ในหัวข้อ "ชีพจรเศรษฐกิจการเงินภาคใต้ และความท้าทายที่ต้องก้าวข้าม" ว่า ขณะนี้เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 7 ปี แต่เป็นการอ่อนค่าในระดับกลาง ๆ เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น เช่น เงินเยน เงินวอน และเงินเปโซ เป็นต้น ที่มีทิศทางการอ่อนค่ามากกว่าเงินบาท
นายเศรษฐพุฒิ ย้ำว่า ปัจจัยหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้เงินบาทอ่อนค่ายังมาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยยังไม่เห็นเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้ายที่เป็นจำนวนมากอย่างผิดปกติ เป็นเรื่องของค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จนส่งผลให้เงินบาทอ่อนลง และเมื่อมองไปในระยะข้างหน้า ก็เป็นไปได้ที่ค่าเงินดอลลาร์อาจจะกลับมาอ่อนค่าอีก หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มเปลี่ยนแปลง และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำเนินการนอกเหนือจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้
"ถามว่า ภาพรวมเงินบาทอ่อนค่าผิดปกติ หลุด หรือผิดเพี้ยนจากชาวบ้านโดยสิ้นเชิงหรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่ เงินบาทอ่อนค่าอยู่ในระดับกลาง ๆ ค่อนไปทางสูงด้วยซ้ำ โดยดอลลาร์แข็งค่าประมาณ 11% ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าประมาณ 7% บาทไม่ได้อ่อนเท่าเงินดอลลาร์แข็ง สะท้อนว่ามันถูกขับเคลื่อนจากดอลลาร์เป็นหลัก ทิศทางเป็นไปตามกลไกตลาด ดอลลาร์แข็งเมื่อไร แนวโน้มบาทก็จะอ่อนค่า ถ้าดอลลาร์อ่อน แนวโน้มบาทก็จะแข็งค่า และ ธปท. มีข้อจำกัดในการที่จะเข้าไปดำเนินการตรงนี้" ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าว
พร้อมระบุว่า สิ่งที่ไม่อยากเห็น คือ การปรับอ่อนค่าหรือแข็งค่าเร็วเกินไป เพราะจะส่งผลกระทบกับการปรับตัวของผู้ประกอบการในภาคการนำเข้าและส่งออก ซึ่งในประเทศไทย พบว่าสัดส่วนของผู้ประกอบการที่มีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก