กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 35.80-36.30 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 36.02 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 35.62-36.36 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 1,344 ล้านบาท และ 791 ล้านบาท ตามลำดับ เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเงินยูโรร่วงลงแตะจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 20 ปีท่ามกลางวิกฤตราคาก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งเยอรมนีเปิดเผยยอดขาดดุลการค้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2534
นอกจากนี้ ผู้ร่วมตลาดยังกังวลกับนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) หลังประธานธนาคารกลางเยอรมนีไม่เห็นด้วยกับแผนของอีซีบีในการช่วยเหลือประเทศที่มีปัญหาหนี้สินสูงในยูโรโซนเพื่อไม่ให้ได้รับความเสียหายจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น ทางด้านรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ประจำวันที่ 14-15 มิ.ย.65 ระบุว่าภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงขึ้นส่งผลให้เฟดสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย 75bp และเฟดแสดงท่าทีหนักแน่นต่อการควบคุมเงินเฟ้อ ขณะที่เงินเยนได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้างเล็กน้อยในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ส่วนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 สัปดาห์ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ทางด้านราคาทองคำดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดในรอบกว่า 9 เดือน โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับตัวเลขเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกเดือน มิ.ย.65 ของสหรัฐฯ หลังการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน มิ.ย.65 ออกมาสูงเกินคาด ทำให้นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 75bp ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค.65 แต่ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับขนาดของการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.65 ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ พัฒนาการของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และภาวะตลาดการเงิน
สำหรับปัจจัยในประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน มิ.ย.65 พุ่งขึ้น 7.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 14 ปี ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงานเพิ่มขึ้น 2.51% ซึ่งทั้ง CPI และ Core CPI สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยกระทรวงพาณิชย์คาดว่าแนวโน้มเงินเฟ้อในไตรมาส 4/65 จะลดลง ส่วนธนาคารแห่งประเทสไทย (ธปท.) ประเมินว่าค่าเงินบาทสะท้อนถึงการคาดการณ์การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยและการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้แรงกดดันที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าอาจลดลงตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและค่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่คลายตัว สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ว่าเงินบาทอาจกลับทิศในระยะถัดไป