นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง "ก้าวต่อไป เกษตรไทยสู่มหาอำนาจทางอาหารของโลก" เมื่อวานนี้ (12 ก.ค.) ว่า ประเทศไทยมีศักยภาพเป็นประเทศส่งออกอาหารอันดับ 13 ของโลก ด้วยมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท และการส่งออกเติบโต 17% ในปี 2564 โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารเป็นกลุ่มสินค้าส่งออกลำดับต้นๆ สะท้อนถึงขีดความสามารถของภาคการผลิต การแปรรูปและการตลาดของไทยในตลาดโลก
แม้ประเทศไทยต้องเผชิญ 4 วิกฤติโลก ได้แก่ 1. โควิด-19 2. สงครามรัสเซีย-ยูเครน 3. ประชากรโลกเพิ่มขึ้น 4. ปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งทำให้โลกประสบปัญหาระบบการผลิตภาคเกษตรตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตามมาด้วยปัญหาการขาดแคลนอาหาร แต่วิกฤติดังกล่าวก็ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่ประสบปัญหาความมั่นคงทางอาหาร เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา เซาท์แปซิฟิก เอเซีย และไม่เว้นแม้แต่ประเทศร่ำรวย เช่น ซาอุดีอาระเบีย และญี่ปุ่น ที่ผลิตอาหารได้เพียง 20% และ 37% ตามลำดับ ซึ่งถือเป็นโอกาสในวิกฤติของประเทศไทย
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า 3 ปีที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินหน้าปฏิรูปสร้างศักยภาพใหม่อย่างต่อเนื่อง ภายใต้การขับเคลื่อน 5 ยุทธศาสตร์ปฏิรูปภาคเกษตรเพราะมีความต้องการอาหารเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย
1.ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต 2.ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0 3.ยุทธศาสตร์ 3?s (safety - Security - Sustainability เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคง และเกษตรยั่งยืน) 4.ยุทธศาสตร์ การทำงานเชิงบูรณาการทุกภาคส่วน 5.ยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืนบนศาสตร์พระราชา
โดยนโยบายและโครงการบางส่วน ซึ่งเป็นหนึ่งในคานงัดสร้างจุดเปลี่ยนเพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถใหม่ให้กับภาคเกษตรของไทย เช่น 1. ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC : Agritech and Innovation Center) และ 766 นวัตกรรม Made In Thailand 2. ศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (National Agriculture Big Data Center: NABC) 3. ดิจิตอล ทรานสฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) ปฏิรูปการบริหารราชการและการบริการประชาชนของกระทรวงเกษตรฯ 4. เกษตรอัจฉริยะและตลาดออนไลน์ 5. เกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง-ชนบท 6. เกษตรแห่งอนาคต อาหารแห่งอนาคต 7. โลจิสติกส์เกษตร เชื่อมไทย-เชื่อมโลก 8. เกษตรแปลงใหญ่ สตาร์ทอัพเกษตร 9. ยกระดับเกษตรกรก้าวใหม่ 10. เกษตรสร้างสรรค์สู่เกษตรมูลค่าสูง (The Brand Project) เน้นแปรรูปสร้างมูลค่าและพัฒนาแบรนด์ 11. การพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area base) ไม่มีเหลื่อมล้ำ และ 12. เปิดกว้างสร้างหุ้นส่วน (Partnership platform) ในประเทศและต่างประเทศ
"การปฏิรูปแบบปรับโฉมหน้าประเทศไทย (Reshaping Thailand) ให้แข็งแกร่งกว่าเดิม ไม่เพียงแต่สามารถก้าวข้ามจุดอ่อนและปัญหาในอดีตแต่พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาปัจจุบันและความท้าทายของอนาคต เช่น ปัญหาต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันแพง ปัญหาปุ๋ยเคมี และราคาอาหารสัตว์สูงขึ้น หรือปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยสูง ปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนไม่แน่นอน เมื่อโอกาสมาพร้อมศักยภาพใหม่ ประเทศไทยก็สามารถเดินหน้าขึ้นแท่นเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับท็อปเทนของโลกและมหาอำนาจอาหารของโลก" นายอลงกรณ์ กล่าว