นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 36.60 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็ก น้อยจากช่วงเช้าที่อยู่ที่ระดับ 36.58 บาท/ดอลลาร์
ระหว่างวันเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 36.55 บาท/ดอลลาร์ และอ่อนค่าสุดที่ระดับ 36.73 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับที่ อ่อนค่าสุดในรอบ 15 ปี 8 เดือน ช่วงนี้ทิศทางเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่า โดยตลาดยังเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งการ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอีกระยะ ในขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงไม่สามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ครั้งละมากนัก ซึ่งจะส่ง ผลให้เกิดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างกว้าง
นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.50 - 36.70 บาท/ดอลลาร์ โดยคืนนี้นักลงทุนรอดู ข้อมูลยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 138.76 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 138.84 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0037 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0032 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,533.37 จุด ลดลง 3.45 จุด (-0.22%) มูลค่าการซื้อขาย 64,710 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,110.45 ลบ.(SET+MAI)
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า กำไรสุทธิของระบบธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ (ระบบธ.พ. ไทย 18 แห่ง) ใน
ไตรมาส 2/65 จะอยู่ที่ระดับประมาณ 4.61 หมื่นล้านบาท ลดลง 19.6% เมื่อเทียบกับฐานที่สูงในไตรมาสที่ 2/64 ซึ่งมีการบันทึกรายการ
พิเศษกำไรจากเงินลงทุนจากการขายหุ้นในบริษัทย่อยของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง
- ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ภาวะความไม่สมดุลระหว่าง Supply
และ Demand ในตลาดน้ำมันโลกเริ่มดีขึ้น หลังราคาน้ำมันโลกลดลงจากที่พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน
และคาดว่าแรงกดดันต่อเงินเฟ้อในประเทศต่างๆ ในครึ่งหลังของปีก็จะค่อยๆ ลดลง สงครามของเฟดกับเงินเฟ้อก็จะบริหารจัดการได้ง่าย
ขึ้น
- โฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี ชี้แจงประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ใน
ราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งการให้สิทธิในการถือครองที่ดินของคนต่างชาตินั้น เป็นเพียงมาตรการหนึ่งเพื่อสร้างแรงจูงใจให้มีการนำ
เงินมาลงทุนในประเทศไทย
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของจีนขยาย
ตัวเพียง 0.4% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ระดับ 5.5% อยู่มาก เนื่องจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก
การใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ในวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของ
ตลาด ขณะที่นักลงทุนเชื่อว่า PBOC จะปรับนโยบายการเงินกลับสู่ระดับปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากที่ผ่อนคลายนโยบายการเงินใน
ช่วงที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิด-19
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า จีนจำเป็นต้องเพิ่มการใช้นโยบายด้านการเงินและการคลัง เพื่อพยุง
เศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอลงเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ และควรใช้กลยุทธ์ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโค
วิด-19 เพื่อแก้ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
- การประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศ G20 เปิดฉากขึ้นในวันนี้ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยการหารือมุ่งเน้นไปที่ความ
คืบหน้าด้านความมั่นคงทางอาหารและภาระหนี้สิน ขณะที่ความตึงเครียดเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนมีแนวโน้มที่จะขัดขวาง
การเจรจาข้อตกลงต่าง ๆ
- รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เรียกร้องให้ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่ม G20 เร่งแก้ไขวิกฤตความไม่มั่นคงทางอาหาร (food
insecurity) ในระยะสั้นซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงเรียกร้องให้หลีกเลี่ยงการใช้มาตรการจำกัด
การส่งออกและการกักตุนสินค้าที่ทำให้เกิดการบิดเบือนทางตลาด
- นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์การเมืองในอิตาลี หลังจากนายมาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีประกาศลาออก เนื่องจาก
พรรค Five Star Movement ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการลงคะแนนไว้วางใจต่อนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งแผนการรับมือกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
- คืนนี้สหรัฐฯ จะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค., ดัชนีความ
เชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้น เดือนก.ค.