นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า อีกหนึ่งสมรภูมิที่น่าจับตามอง ท่ามกลางมรสุม Perfect Storm คือ จีน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับจีน จะกระทบกับทุกคน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่ช่วงหลังๆ สงครามที่ยุโรป สงครามของเฟดกับเงินเฟ้อและฟองสบู่แย่งซีน ทำให้ทุกคนต้องหันไปดูยุโรปและสหรัฐอย่างใจจรดใจจ่อ ทำให้ลืมจีนไปชั่วขณะ
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจจีนล่าสุดที่ออกมาเมื่อวานนี้ มีความสำคัญมาก เป็นสัญญาณเตือนภัย เพราะในไตรมาสที่ 2 จีนขยายตัวได้แค่ +0.4% เทียบกับปีก่อนหน้า -2.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า นับเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำสุดของจีนในช่วงที่ผ่านมา (ถ้าไม่นับช่วงเกิดโควิดในปี 63)
นายกอบศักดิ์ ระบุว่า ที่เป็นสัญญาณเตือนภัยสำคัญ เพราะ เรื่องนี้จะมีนัยยะกับระบบเศรษฐกิจโลกต่อไป เนื่องจากจีนเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจโลก เป็นเสาหลักที่ช่วยให้โลกผ่านวิกฤตต่างๆ มาได้ อย่างช่วงต้มยำกุ้ง จีนก็ขยายตัวได้อย่างน้อย 6.7% ช่วง Subprime จีนก็ขยายตัวได้ 6.4% และในช่วงโควิดแรกๆ จีนก็กลับมาขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้ ระหว่างที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจซบเซาจาก Perfect Storm จีนขยายตัวได้แค่ 0.4% ส่วนหนึ่ง คงมาจากการ Lockdown เมืองต่างๆ
แต่เมื่อลองไปดูลึก จะพบว่าการที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวไม่ดี น่าจะมีปัจจัยอื่นๆ อีกเช่นกัน เพราะหลัง Wuhan และก่อนที่จะเผชิญโควิดระลอกใหม่ เศรษฐกิจจีนขยายตัวต่ำกว่า 5% ถึง 6 ไตรมาสจาก 9 ไตรมาส
"เป็นหนังคนละม้วนกับช่วงก่อนหน้า ที่จีนจะขยายตัวอย่างสม่ำเสมอ 6-8% ระหว่างปี 55-61 ขยายตัวอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ 10-15% ระหว่างปี 46-50"
การที่เป็นเช่นนี้ เพราะจีนกำลังเผชิญกับวิกฤตอสังหา ที่ยังลุกลาม บานปลายจาก Evergrande ได้กระจายไปยังบริษัทต่างๆ ล่าสุดบริษัท Shimao ต้องผิดนัดชำระหนี้ กระทั่ง Country Garden ที่เป็นเบอร์ 1 ก็ถูกกดดัน ราคาหุ้นตก ราคาหุ้นกู้ซื้อขายกันอยู่ที่ประมาณ 70% ของหน้าตั๋ว
"ถ้าเบอร์ 1 ยังมีปัญหา ก็หมายความว่า บริษัทอสังหาจีนส่วนใหญ่ กำลังลำบาก ลูกค้าเริ่มไม่จ่ายค่างวดบ้าน เพราะสร้างไม่เสร็จ เจ้าหนี้ ไม่ยอมยืดหนี้ให้ ถ้าจะกู้ใหม่ ดอกก็แพงลิ่ว ถูก Downgrade แถมราคาบ้านก็เริ่มลง ทำให้คนชะลอการซื้อออกไป"
ทั้งนี้ เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่ในจีน เมื่อเกิดปัญหา ก็จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง นำมาถึงเศรษฐกิจที่หมุนต่อลำบาก พอมาประจวบกับการระบาดของโควิด เจอผลกระทบจากวิกฤตในยุโรปและสหรัฐ การคลี่คลายปัญหาของจีนก็ไม่ง่าย ต้องลดดอกเบี้ย (ขณะที่คนอื่นขึ้น) อัดฉีดสภาพคล่อง (ขณะที่สหรัฐเริ่มดูดกลับ)
นอกจากนี้ ระหว่างที่สู้กับปัญหาเหล่านี้ ตัวเลขล่าสุดชี้ว่า เด็กที่จบใหม่ของจีน ตกงาน 1 ใน 5 มีแบงก์ล้มในเมืองเล็ก ข่าวเหล่านี้ ไม่ใช่ข่าวของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่เป็นข่าวของเศรษฐกิจที่กำลังสู้กับปัญหา ต้องปรับตัว และมีนัยยะต่อไปว่า จีนจะไม่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวช่วยเศรษฐกิจโลก ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ช่วงลำบากในปีหน้าจากทุกที ที่จะมีเศรษฐกิจจีนช่วงพยุงเศรษฐกิจโลกในยามคับขัน
"รอบนี้ ผีซ้ำด้ำพลอย จีนจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้วิกฤตข้างหน้า แก้ได้ยากขึ้นครับ"