นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการวิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุภาวะเศรษฐกิจของไทยยังไม่เกิดวิกฤตเหมือนประเทศศรีลังกาหรือ สปป.ลาว อย่างน้อยในระยะสองสามปีข้างหน้านี้ แต่มีความเสี่ยงเรื่องฐานะทางการคลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในประเทศจะทำให้ภาระต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นในทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของหนี้ภาครัฐ หนี้ภาคเอกชน หนี้ครัวเรือน
ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศศรีลังกา สปป.ลาว และประเทศอื่นในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ขณะนี้อาจส่งผลต่อเงินทุนระยะสั้นเก็งกำไรในตลาดการเงินไหลออกจากประเทศตลาดเกิดใหม่บ้าง มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ บางประเทศกระทบน้อยมากหรือไม่กระทบเลย แต่ไม่ได้กระทบต่อเศรษฐกิจของไทย กรณีของไทยนั้นมีผลกระทบในระดับปานกลาง สิ่งนี้ได้สะท้อนมายังการปรับลดลงต่อเนื่องของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย รวมทั้งเงินบาทอ่อนลง ซึ่งประเมินว่าใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้วในรอบนี้ การปรับหรือไม่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยภายในมีผลต่อการไหลออกของเงินทุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลเกินเหตุ
ผลกระทบของวิกฤตในประเทศศรีลังกาและ สปป.ลาว ทำให้ปริมาณการค้าต่อกันลดลง โดยเฉพาะการส่งออกของไทยไปประเทศศรีลังกาลดลง การเจรจาเปิดเสรีทางการค้าแบบทวิภาคีกับประเทศศรีลังกาต้องชะงักไป การค้าชายแดนไทย-สปป.ลาวลดลง วิกฤตดังกล่าวทำให้เกิดโอกาสของกลุ่มทุนไทยในการขยายการลงทุนไปประเทศศรีลังกาและ สปป.ลาวเช่นเดียวกัน แต่ภาพรวมส่งออกของไทยยังไปได้ดี ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 5-6% ยิ่งเงินบาทอ่อนค่ายิ่งส่งผลดีต่อภาคส่งออกและภาคท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงต่ำแม้จะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง 2 ปีต่อเนื่องก็ตาม เมื่อเริ่มเปิดประเทศ รายได้จากการท่องเที่ยวของต่างชาติจะทำให้ปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงและน่าจะกลายมาเป็นบวกได้ในช่วงปลายปี ขณะที่ราคาน้ำมันผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ราคาน่าจะทยอยปรับตัวลดลง การอ่อนค่าของเงินบาทจะสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นบ้าง แต่การอ่อนค่าจากระดับ 32-33 บาท/ดอลลาร์ มาสู่ระดับ 36-37 บาท/ดอลลาร์ ทำให้รายได้ในรูปเงินบาทของผู้ส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ยอดปริมาณสินค้าและบริการส่งออกที่ราคาขายล่วงหน้าไปก่อนในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. ที่อัตราแลกเปลี่ยน 33 บาท/ดอลลาร์ เมื่อรับรายได้ดอลลาร์มาเวลานี้อยู่ที่ 36-37 บาท มีรายได้ในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 9-12% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เกิด Immediate Positive Income Effect ภายในประเทศ ช่วยกระตุ้นรายได้ กระตุ้นการจ้างงาน การบริโภคและการลงทุน
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ สะท้อนว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเข้าใกล้ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจทางเทคนิค (Technical Recession) อาจช่วยลดแรงกดดันเงินดอลลาร์แข็งค่าได้ระดับหนึ่ง ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยจะมีมากกว่าหนี้ต่างประเทศถึง 1.3 เท่าโดยประมาณ และหนี้ต่างประเทศปี 64-65 อยู่ที่ประมาณ 38-39% ของจีดีพี ประมาณ 1.9 แสนล้านดอลลาร์ หนี้ต่างประเทศเป็นหนี้ระยะสั้นประมาณ 36-37% ขณะที่มีทุนสำรองระหว่างประเทศสุทธิอยู่ที่ 2.18 แสนล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 8 ก.ค.65 ลดลง 3 พันล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า และต่ำกว่าระดับ 2.2 แสนล้านบาทเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี การลดลงของทุนสำรองส่วนหนึ่งเป็นผลจากการแทรกแซงค่าเงินบาทไม่ให้อ่อนค่าเกินไป
หากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ส.ค.65 ธนาคารพาณิชย์ก็จะปรับดอกเบี้ยตาม จะทำให้ภาระการผ่อนชำระต่อเดือนของลูกหนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 5-5.5% เป็นอย่างน้อย ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์และกลุ่ม non-bank ส่วนใหญ่ได้ปล่อยให้ดอกเบี้ยลอยตัวแล้ว หาก กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% กรณีวงเงินสินเชื่อของลูกหนี้อยู่ที่ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเดือนละ 4,500 บาท/เดือนจะต้องผ่อนชำระเพิ่มเป็น 4,750 บาท/เดือน เพิ่มขึ้นประมาณ 5-5.5% สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในปีนี้อยู่ที่ 86-88% ลดลงจากปีที่แล้วเล็กน้อยจากจีดีพีที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น อาจกลับมาเพิ่มขึ้นทะลุระดับ 90% อีกครั้งหนึ่งในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น
ขณะนี้อัตราการผ่อนชำระหนี้เมื่อเทียบกับรายได้อยู่ที่ 34-35% ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25%-0.75% ในช่วงที่เหลือของปี จะทำให้อัตราการผ่อนชำระเทียบกับรายได้แตะระดับ 40% ได้ ฉะนั้นผู้บริโภคจะมีขีดจำกัดในการบริโภคเพิ่มหากรายได้ไม่เพิ่มขึ้น และภาคธุรกิจอาจชะลอการลงทุนได้ ธนาคารบางแห่งคงใช้วิธีการยืดการผ่อนชำระยาวขึ้นแทนที่จะให้ลูกค้าผ่อนชำระต่องวดสูงขึ้น ยอดการชำระต่องวดก็จะมีการนำไปหักดอกเบี้ยมากขึ้น หักเงินต้นลดลง หากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 0.75% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 0.75% ในปีนี้ ธนาคารพาณิชย์น่าจะให้ลูกค้าเดิมผ่อนชำระต่องวดเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายกัญชาเสรีและปล่อยให้มีการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการ รวมทั้งผสมในอาหารและเครื่องดื่ม หากไม่กำกับดูแลให้ดี อาจกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรงได้ และอาจสร้างภาระหนี้ให้กับประเทศในอนาคตได้ เพราะจะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายเรื่องการรักษาพยาบาลและแก้ไขปัญหาสังคมอีกจำนวนมาก ผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย และพัฒนาการของเยาวชนเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องเอาใจใส่ รวมทั้งอาจสร้างความเสียหายต่อภาคการท่องเที่ยวได้ ประเทศส่วนใหญ่ยังถือว่ากัญชาเป็นสารเสพติดและมีโทษอาญารุนแรง หากไม่กำกับควบคุมให้ดีจะกระทบต่อนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีกฎหมายเข้มงวด
สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่า คือ การปล่อยให้เกิดการมั่วสุมสูบกัญชาจนมึนเมาทำลายสุขภาพ ทำลายอนาคตเยาวชนและเป็นต้นทางของการเกิดอาชญากรรมต่างๆได้ ตนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลให้มีการใช้กัญาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น และรัฐบาลต้องควบคุมการใช้กัญชาเพื่อเป็นสารเสพติดก่อนที่จะมีการระบาดเหมือนยาบ้า หรือยาเสพติดที่แพร่ระบาดในสังคมไทยอยู่แล้ว จากข้อมูลของ นพ.บัณฑิต ศรไพศาล สถาบัน Centre for Addiction and Mental Health ประเทศแคนาดา โดยอ้างงานวิจัยของ Feingold พบว่า กัญชาก่อให้เกิดการเสพติดได้เร็วและมากกว่าที่เคยสรุปกันไว้เดิม ขณะที่ข้อมูลของ นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อ้างงานวิจัยในต่างประเทศบ่งชี้ว่า ผู้ใช้กัญชาจะติดง่ายและเร็วกว่าบุหรี่ 5.4 เท่า เร็วกว่าสุรา 2.6 เท่า
"คาดหลังเปิดเสรีและการเสพกัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย จำนวนผู้เสพติดอาจพุ่งถึง 3 เท่า หากจำนวนผู้เสพติดกัญชาเพิ่มขึ้นมากจะส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ และสังคม สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ กระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน กระทบต่อกำลังแรงงาน ทำให้แรงงานอ่อนแอลง ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ และแน่นอนเมื่อเกิดการเสพติดจำนวนมากย่อมทำให้เกิดปัญหาสังคมและอาชญากรรมเพิ่มขึ้นได้ การออกกฎหมายเพื่อกำกับควบคุมการใช้กัญชาจึงต้องมองทั้งมิติทางด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ และสังคมไปพร้อมกัน" นายอนุสรณ์ กล่าว