รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผย กลุ่มเครือข่ายผู้ค้าล็อตเตอรี่รายย่อย ที่ได้รับผลกระทบจากการจัดสรรโควต้าสลากยังคงปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลต่อเนื่องจากวานนี้ จากนั้นเวลา 10.00 น. จะแสดงพลังยื่นข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี ขอให้พิจารณาปลดคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และการจัดสรรโควต้าสลากให้กับผู้ค้าตัวจริงหลังได้รับผลกระทบจากการออกสลากดิจิทัล
ขณะที่ตำรวจ ได้ปิดการจราจรถนนพิษณุโลก ฝั่งทำเนียบแล้ว ตั้งแต่สะพานชมัยมรุเชฐ์ ถึงแยกมิสกวัน พร้อมตรึงกำลัง สแตนด์บายรถฉีดน้ำแรงดันสูง และเครื่องขยายเสียง
นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยถึงกรณีเครือข่ายลอตเตอรี่รายย่อยปักหลักชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องการจัดสรรโควตาสลากให้กับผู้ค้าตัวจริง และปลดบอร์ดกองสลากนั้นว่า ขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน โดยจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล
ทั้งนี้ ตนจะดูเรื่องไม่ให้ขายสลากเกินราคา ซึ่งไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดสรรโควต้าของผู้ค้า แต่ก็ต้องมาดูรายละเอียดว่า ผู้เดือดร้อนมีสิ่งไหนที่ให้รัฐบาลช่วยเหลือ ซึ่งที่ผ่านมามีรายชื่อผู้ค้าจริงทั่วประเทศอยู่ในบัญชีส่วนหนึ่งแล้ว ยอมรับผลตอบรับสลากดิจิทัลดีเกินกว่าที่คาดไว้ และเป็นไปตามที่คณะกรรมการฯ คาดการณ์ไว้ สามารถทำให้ประชาชนเข้าถึงสลากกินแบ่งฯ ในราคา 80 บาท และประชาชนพอใจในราคานี้ ซึ่งจะต้องดำเนินการให้สำเร็จต่อไป
ส่วนกรณีที่ผู้ชุมนุมมองว่าการขายสลากดิจิทัลกระทบกับการขายของรายย่อยนั้น นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องนำมาบริหารจัดการ เนื่องจากระบบเก่ามีการขายมานาน และทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งต้องซื้อสลากในราคาแพง ดังนั้นต้องเฉลี่ยความทุกข์ความสุขแล้วมาร่วมบริหารจัดการด้วยกัน
นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งดูดายและเตรียมจะส่งคนไปเจรจากับผู้ชุมนุม เพื่อแก้ปัญหาให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ต้องหาวิธีแก้ไขให้คลายความเดือดร้อนและเป็นการหาทางออกร่วมกัน ส่วนตัวพร้อมที่จะรับฟังปัญหาของประชาชน หากทำได้ก็จะทำอย่างสุดกำลัง
การที่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้มีการปลดบอร์ดกองสลากฯ นั้นต้องพิจารณากันอีกที แต่คงไม่ถึงขั้นจะต้องมาปลดขณะทำงาน และต้องพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกันในอนาคต เพื่อให้ทุกฝ่ายสมประโยชน์
นายอนุชา กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องนำข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมมาทบทวนเรื่องการเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลในงวดถัดไป เนื่องจากเป็นช่องทางส่วนรวมที่ให้ประชาชนเข้าถึงในราคา 80 บาทโดยยุติธรรม ซึ่งประชาชนควรได้รับตามสิ่งที่รัฐจัดให้