นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 36.58 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าเล็ก น้อยจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 36.60 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาคและตลาดโลก หลังดอลลาร์อ่อนค่า เนื่องจากมีแรงเทขายทำกำไร และบอนด์ยิลด์ปรับตัวลดลง
ปัจจัยที่ตลาดจับตามองเป็นเรื่องความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับการประชุมเพื่อพิจารณาอัตรา ดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้าว่ามีแนวโน้มที่จะปรับขึ้น 0.75% หรือ 1.0%
"บาทแข็งค่าเล็กน้อยจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ เคลื่อนไหวตามภูมิภาคและตลาดโลก ทิศทางระหว่างวันช่วงนี้ค่อนข้าง ผันผวน" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 36.50 - 36.70 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (15 ก.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.70545% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.89100%
SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 36.60250 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 138.28 เยน/ดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 138.76 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0086 ดอลลาร์/ยูโร จากสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 1.0037 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 36.670 บาท/ดอลลาร์
- นักวิชาการการันตีเศรษฐกิจไทยยังไม่เกิดวิกฤตเหมือนศรีลังกา-สปป.ลาว ห่วงขึ้น ดอกเบี้ยนโยบายกระทบต้นทุนทางการ
- ส.อ.ท. คาดครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแต่ไม่สมดุล กังวลเงินเฟ้อ-บาทอ่อน-ราคาพลังงานแพงกระทบต้นทุน ห่วงเอส
- ธปท.ชี้ธนาคารพาณิชย์เสถียรภาพแกร่ง แต่เงินเฟ้อพุ่งกระทบการชำระหนี้ภาคครัวเรือน-ธุรกิจ "เคเคพี" เผยแนวโน้มหนี้
- สรท.ประเมินผลกระทบเศรษฐกิจโลกถดถอย ชี้คำสั่งซื้อไตรมาส 3 มาแล้ว หวั่นเห็นออเดอร์ชะลอไตรมาส 4 ถึงต้นปี
- สศช.หวั่นเศรษฐกิจ "สหรัฐ-ยุโรป" ถดถอยเร็วกว่าคาด สัญญาณขึ้นดอกเบี้ยแรง บริษัทใหญ่ทยอยลดคน เตือนไทยตั้งรับ
- ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารกลางยูเครนเปิดเผยว่า ธนาคารกลางยูเครนได้นำทองคำสำรองออกมาขายเป็นมูลค่า 1.24 หมื่น
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดีดตัวขึ้น 1.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์
- มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.1 ในเดือนก.ค.
- ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 26-27 ก.ค.นี้อย่างใกล้ชิด
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 30% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการ ประชุมวันดังกล่าว และให้น้ำหนัก 70% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และดัชนี
- ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจับตาธนาคารกลางออสเตรเลียเปิดเผยรายงานการประชุม, ธนาคารกลางจีนจะแถลงอัตราดอกเบี้ย