นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 36.63 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 36.58 บาท/ดอลลาร์
ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 36.52 - 36.64 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทยังแกว่งแบบไร้ทิศทาง เนื่องจากยังไม่มี ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินเท่าใดนัก เป็นเพียงแรงซื้อ-ขายทั่วไป เช่นเดียวกับทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค
อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้ นักลงทุนให้ความสนใจไปที่การประชุมของ 2 ธนาคารกลางสำคัญ คือ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่ง คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่คาดว่ารอบนี้ยังคงดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.50 - 36.70 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 138.26 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 138.28 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0150 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0086 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,544.81 จุด เพิ่มขึ้น 11.44 จุด (+0.75%) มูลค่าการซื้อขาย 49,093 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,267.34 ลบ.(SET+MAI)
- ที่ประชุมครม. เห็นชอบโครงการจัดหายารักษาผู้ป่วยโควิด-19 กรอบวงเงินเกือบ 4 พันล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ
- รัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้เข้ารัฐ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปีงบ 2565 รวมทั้งสิ้น 1.16 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการ
- อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า ในกทม. และปริมณฑล พบ
- นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ขอให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์โควิด-19 และเตรียมความ
- ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า PBOC จะยกระดับการใช้นโยบายทางการเงินที่รอบคอบ เพื่อสนับสนุน
- พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของกัมพูชา มีมติสนับสนุนสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายก
- ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 21,000 ดอลลาร์ช่วงเช้านี้ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ
- สำนักงานสถิติแห่งชาตินิวซีแลนด์ รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 7.3% ในไตรมาส 2/2565 เมื่อ
- รัฐมนตรีคลังออสเตรเลียระบุว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนั้นจะทำให้ออสเตรเลียต้องจ่ายหนี้สินเพิ่มมากขึ้น โดยขณะนี้คาดว่า
- มอร์แกน สแตนลีย์ ลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ปีนี้ของอินเดียสู่ 7.2% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 7.6% เนื่อง
จากสถานะทางการเงินตึงตัวขึ้น และภาวะชะลอตัวของการค้าทั่วโลกได้กดดันประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั่วโลก