นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ EXIM BANK เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 65 การส่งออกยังไปต่อได้ แต่อาจชะลอความเร็วลง จากที่ขยายตัว 12.9% ในช่วง 5 เดือนแรกปี 65 อย่างไรก็ตาม ส่งออกทั้งปีคาดว่าจะขยายตัว 6-7% ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้สินค้าแพง ต้นทุนธุรกิจและค่าขนส่งเพิ่มสูงขึ้น ในการช่วยเหลือให้ผู้ส่งออกไทยรู้เท่าทันสถานการณ์ และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า EXIM BANK จึงริเริ่มจัดทำ "EXIM Index" นวัตกรรมด้านงานวิจัยธุรกิจที่แสดงผลเป็นดัชนีชี้วัดสภาวะส่งออกล่วงหน้า
โดยใช้ข้อมูล 25 ตัวชี้วัดใน 5 มิติ ประกอบด้วยอุปสงค์ (Demand) ทิศทางเศรษฐกิจในตลาดหลักและตลาดใหม่ การส่งออกของประเทศคู่ค้า อุปทาน (Supply) ดัชนีแรงกดดันด้านห่วงโซ่อุปทานโลก การลงทุนภาคเอกชน ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ราคา (Prices) ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ราคาอาหารและสินค้าเกษตรโลก บรรยากาศตลาด (Sentiment) ดัชนีตลาดหุ้น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในประเทศคู่ค้า และธุรกรรมของ EXIM BANK ผลลัพธ์เป็น "ดัชนีชี้นำการส่งออกของไทย" ซึ่ง ณ ไตรมาส 2 ปี 2565 อยู่ที่ 100.63 ลดลงจาก 100.90 ในไตรมาสแรกปี 65 สะท้อนว่าในระยะข้างหน้า การส่งออกไทยมีแนวโน้มชะลอตัว เป็นผลจากเศรษฐกิจคู่ค้าที่ชะลอตัวลง อาทิ สหรัฐอเมริกาและยุโรป ผู้บริโภคและนักลงทุนมีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยและภาวะเงินเฟ้อ ปัญหา Global Supply Chain ยังมีอยู่ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ส่งออก และธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศที่เริ่มชะลอลง แม้จะยังขยายตัวได้
นายรักษ์ กล่าวว่า EXIM BANK พร้อมช่วยผู้ประกอบการไทยสู้ต้นทุนแพงและบริหารความเสี่ยง ด้วย "Hybrid Model : ฟื้นส่งออกสู้ต้นทุน รุกลงทุนสร้างอุตสาหกรรมใหม่" ดังนี้
- นโยบายตรึงดอกเบี้ย Prime Rate 5.75% ต่อปี เพื่อแบ่งเบาภาระด้านต้นทุนของผู้ประกอบการไทย
- บริการใหม่ "EXIM Export Ready Credit" วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำสุด 4.5% ต่อปีใน 6 เดือนแรก ผ่อนชำระคืนภายใน 3 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs นำไปใช้เสริมสภาพคล่องของกิจการส่งออกและที่เกี่ยวเนื่อง
- เงินทุน เพื่อสนับสนุนการกระจายตลาด การยกระดับสินค้าตอบโจทย์เทรนด์โลก GDH การลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมใหม่ที่เสริมสร้าง R&D ให้กับสินค้าไทย เช่น อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) และ S-Curve โดย EXIM BANK พร้อมสนับสนุนธุรกิจทุกขนาดตลอดทั้ง Supply Chain การส่งออกของไทย เชื่อมโยงกับ Supply Chain ของโลก
- เครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ อาทิ บริการประกันการส่งออก คุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ บริการประกันความเสี่ยงการลงทุน และบริการสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า
- EXIM Thailand Pavilion ช่องทางค้าขายออนไลน์บน E-Commerce ชั้นนำของโลก
"EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีภารกิจขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ มีความสามารถในการบริหารและรับความเสี่ยงได้มากกว่า จึงขอแบ่งเบาภาระของลูกค้าและผู้ประกอบการไทย โดยตรึงดอกเบี้ยให้นานที่สุด ในอัตรา Prime Rate 5.75% ต่อปี ประกอบกับการออกโปรโมชันพิเศษ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า Prime Rate เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ให้อยู่รอดและขยายธุรกิจได้ในตลาดการค้าโลก นั่นคือบทพิสูจน์ของการดำเนินบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่มากกว่าธนาคาร (Beyond Banking) พัฒนานวัตกรรมด้านการให้บริการทั้งการเงิน และไม่ใช่การเงิน เพื่อช่วยให้คนไทยมีความกล้า และความพร้อมที่จะบุกตลาดโลกอย่างรู้เท่าทันโอกาสและความเสี่ยง โดยมี EXIM BANK ขับเคลื่อนการเดินทางข้ามพรมแดนของทุนไทย และการเติบโตอย่างยั่งยืนของทุกภาคส่วนในโลกยุค Next Normal" นายรักษ์ กล่าว