การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม) กล่าวถึงกรณีที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีฮั้วประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มว่า รฟม.ยังคงเดินหน้าการประมูลคัดเลือกเอกชนในรอบใหม่ และยืนยันว่าการกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าร่วมประมูลได้เปิดกว้างเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ไม่เป็นการกีดกันหรือเอื้อประโยชน์แก่เอกชนรายใด
ทั้งนี้ จากประเด็นคำพิพากษาศาลปกครองกลางให้เพิกถอนมติและประกาศยกเลิกการคัดเลือกเอกชนในครั้งก่อนนั้น คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ซึ่งปัจจุบัน รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) อยู่ระหว่างใช้สิทธิอุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษา คดีดังกล่าวจึงยังไม่ถึงที่สุดแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ผู้ฟ้องคดีขอให้ศาลห้ามคณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม.ใช้เอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนฉบับเดือน พ.ค.65 นั้น ศาลพิพากษาว่าศาลไม่อาจมีข้อสังเกตตามข้ออ้างดังกล่าวได้ เนื่องจากมิใช่ประเด็นแห่งคดี ประกอบกับ ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งที่ 354/2564 ไม่รับฟ้องในข้อหาที่ผู้ฟ้องคดีขอให้ห้ามคณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. กระทำการที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกเอกชนครั้งใหม่ และคำสั่งดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว
รฟม.ระบุว่า การกำหนดคุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ตามประกาศเชิญชวนฯ ฉบับวันที่ 24 พ.ค.65 ในการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกฯ เพื่อกำหนดคุณสมบัติดังกล่าวมีผู้แทนจากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันเข้าร่วมสังเกตการณ์ตามระบบข้อตกลงคุณธรรมด้วยทุกครั้ง รวมทั้งการพิจารณาได้อ้างอิงจากระเบียบและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง คุณสมบัติดังกล่าวจึงมีลักษณะเปิดกว้างเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม และไม่เป็นการกีดกันหรือเอื้อประโยชน์แก่เอกชนรายใด
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร แบ่งเป็นส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี) และส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย)