นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เชิงพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนการประหยัดพลังงาน ภายใต้กรอบนโยบายของนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานในวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะให้พลังงานจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านพลังงานให้สามารถดำเนินงานตามนโยบายที่ได้รับจากส่วนกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการใช้คู่มือการจัดทำแผนปฏิบัติราชการด้านพลังงานระดับจังหวัดเป็นกรอบในการดำเนินงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ และมีการติดตามประเมินผลเพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนั้น จากวิกฤตด้านราคาพลังงานที่มีความผันผวน และยังคงอยู่ในระดับสูงในปัจจุบัน รัฐบาลได้มีการกำหนดมาตรการลดใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ โดยมีเป้าหมายลดการใช้พลังงานอย่างน้อย 20% ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวจะถูกนำไปเป็นตัวชี้วัดของส่วนราชการ ดังนั้น พลังงานจังหวัดจะต้องเป็นตัวอย่างและผู้นำในการขับเคลื่อนงานด้านการประหยัดพลังงานให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างรวดเร็ว
โดยจะต้องเป็นทั้งผู้ประสานและให้การสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการ ในการอนุรักษ์พลังงานและประหยัดพลังงานแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานราชการต่างๆ ในพื้นที่ และขับเคลื่อนผ่านคณะกรรมการระดับจังหวัดในการจัดทำแผนประหยัดพลังงานในภาครัฐ และจะมีการตรวจสอบและวัดผลจากข้อมูล Energy Utilization Index (EUI) ผ่านระบบ E-Report และอีกหนึ่งภารกิจสำคัญของพลังงานจังหวัด คือ การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ด้านการประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพให้กับประชาชนผ่านเครือข่ายภายในจังหวัด เช่น อาสาสมัครพลังงาน (อส.พน.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนด้านพลังงานทดแทนในภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรม ให้หันมาใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานทดแทนในรูปแบบอื่นๆ ตามศักยภาพเชื้อเพลิงที่มีในพื้นที่
"การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในวันนี้ นอกจากจะเป็นการมอบนโยบายด้านพลังงานให้กับพลังงานจังหวัดแล้ว ยังมีการเน้นย้ำเป้าหมายการลดใช้พลังงานในภาครัฐ 20% โดยมีพลังงานจังหวัดเป็นกลไกสำคัญในการประสานและส่งต่อข้อมูลด้านการประหยัดและอนุรักษ์พลังงาน ผ่านคณะกรรมการระดับจังหวัด โดยจะมีกำหนดตัวชี้วัดและมีการใช้ข้อมูล Energy Utilization Index (EUI) ในการตรวจสอบและวัดผลการดำเนินงาน" ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว
พร้อมระบุว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีการกำหนดมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงาน ทั้งภาคประชาชน ภาคอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เพื่อกระตุ้นให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงาน รวมทั้งการให้ข้อมูลแก่ผู้ประกอบการในการปรับเปลี่ยนให้หันมาใช้พลังงานทดแทนให้มากขึ้น ซึ่งหากทุกภาคส่วนมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม ก็จะสามารถลดการนำเข้าพลังงาน ก็จะถือว่าเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประเทศได้อีกทาง