นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมธนารักษ์เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางที่ให้ระงับการเซ็นสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) กับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ตามคำขอคุ้มครองชั่วคราวของ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) จนทำให้ต้องเลื่อนกำหนดเซ็นสัญญาในวันที่ 3 ส.ค. 65 ออกไปชั่วคราว
"การยื่นอุทธรณ์ดังกล่าว เป็นไปตามระเบียบ โดยกรมฯ จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดภายใน 30 วัน ส่วนศาลจะพิจารณาตัดสินเมื่อไรนั้น คงไม่สามารถบอกได้" อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าว
นายประภาศ กล่าวอีกว่า การที่กรมธนารักษ์เดินหน้าเซ็นสัญญาในโครงการท่อส่งน้ำสายหลักอีอีซีนั้น เป็นไปตามกฎหมาย เพราะหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น สังคมได้รับความกระจ่างเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแล้ว จึงมีการนัดเซ็นสัญญาในวันที่ 3 ส.ค.65 แต่ในวันที่ 2 ส.ค.65 ทาง EASTW ได้ไปยื่นร้องต่อศาลให้คุ้มครองฉุกเฉิน ทำให้ต้องเลื่อนการเซ็นสัญญาออกไปก่อนเพื่อรอฟังคำสั่งศาล
กรณีที่บริษัทวงษ์สยามฯ จะไปร้องศาลเพื่อขอยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีเซ็นสัญญาท่อส่งน้ำสายหลักอีอีซีเช่นกันนั้น ก็เป็นสิทธิของทางวงษ์สยามที่สามารถทำได้ เพราะตอนนี้ถือว่าวงษ์สยามก็เป็นหนึ่งในคู่กรณีกับคดีพิพาทที่ EASTW ไปยื่นฟ้องต่อศาลในฐานะผู้ฟ้อง เช่นเดียวกับคณะกรรมการที่ราชพัสดุ และกรมธนารักษ์ในฐานะผู้ถูกฟ้อง เพราะศาลได้เรียกวงษ์สยามในฐานะผู้มีส่วนได้เสียเข้ามาเป็นคู่ความพร้อมกันไปด้วย ว
พร้อมระบุว่า กรมฯ จะปรึกษาอัยการกรณีที่จะขอให้ศาลพิจารณาคุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐในระหว่างที่ไม่สามารถเซ็นสัญญากับบริษัทวงษ์สยามฯ ได้ โดยจะเสนอให้ EASTW จ่ายผลตอบแทนเพิ่มขึ้น โดยให้จ่ายเท่ากับที่ EASTW เสนอในการประมูลครั้งสุดท้าย ส่วนเป็นจำนวนเท่าไรนั้นไม่สามารถตอบได้ จากเดิมที่บริษัทจ่ายอยู่ที่ 7% ของรายได้ เพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่ายทั้งกรมธนารักษ์, EASTW และวงษ์สยามก่อสร้าง ที่เสนอผลตอบแทนมาให้รัฐในอัตรา 27% ของรายได้
อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า การที่กรมฯ จะขอให้ศาลพิจารณาคุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐ โดยให้ EASTW จ่ายผลประโยชน์เพิ่มมากขึ้นในระหว่างที่ยังเซ็นสัญญาไม่ได้นั้น ถือเป็นการทำหน้าที่ของกรมธนารักษ์เพื่อป้องกันไม่ให้มีประเด็นในภายหลังว่า กรมฯ ละเว้น เพิกเฉย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้รัฐสูญเสียผลประโยชน์ เพราะต้องยอมรับว่าหากกรมฯ สามารถเซ็นสัญญาได้ตามกำหนดที่วางไว้ รัฐก็จะได้ผลประโยชน์เข้ามามากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
"กรมฯ คงไม่สามารถไปกำหนดได้ว่า EASTW ต้องจ่ายผลตอบแทนในระดับ 27% เท่าที่วงษ์สยามก่อสร้างเสนอมา เพราะอาจจะไม่เป็นธรรม จึงจะเสนอให้ EASTW จ่ายเท่าที่เคยเสนอมาในการประมูลครั้งสุดท้าย ส่วนจะดำเนินการได้หรือไม่นั้น ต้องปรึกษาอัยการก่อน ถ้าทำได้ก็จะรีบดำเนินการ ยืนยันว่าการดำเนินการนี้ เพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งผู้มีส่วนได้และส่วนเสียทั้งหมด" นายประภาศ ระบุ