นายกฯ มุ่งขับเคลื่อนใช้ BCG Economy สร้างสมดุลสิ่งแวดล้อม-สภาพอากาศ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 5, 2022 14:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดและกล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (Thailand Climate Action Conference: TCAC) จัดโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด"อนาคตไทย อนาคตโลก: โอกาสและความรับผิดชอบ (Our Future: Our Responsibility, Our Opportunity)" โดยยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการขับเคลื่อนการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลักดันไทยมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน พ.ศ. 2593 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2608

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของทุกคน ที่ต้องร่วมมือร่วมใจกันขับเคลื่อนการดำเนินงานในทุกมิติทั้งระบบให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ได้นำร่องขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติในพื้นที่ และไทยต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ รับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนแม่บท มุ่งสู่การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ ครอบคลุม 3 องค์ประกอบที่สำคัญ คือ การลดก๊าซเรือนกระจกระยะยาวที่สอดคล้องกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม, การปรับตัวเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐและเอกชน รวมถึงการพัฒนามาตรการทางเศรษฐศาสตร์ การเงิน และการคลัง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องปรับตัวสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นอกจากนี้ นโยบายเศรษฐกิจ BCG Economy จะเป็นกลไกหลักสร้างความสมดุลของไทย ทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยรัฐบาลผลักดันการลงทุนในนวัตกรรมและธุรกิจสีเขียว และปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตไฟฟ้าของประเทศ เร่งการเพิ่มสัดส่วนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน รวมถึงส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ให้ไทยเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญระดับโลก ควบคู่กับการส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจปรับตัวรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ซึ่งภาคเอกชนปรับกระบวนทัศน์เพื่อมุ่งสู่การผลิตและการบริการที่มีอัตราการปล่อยคาร์บอนต่ำรับโอกาสทางธุรกิจ ที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนบนฐานความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีความยินดีที่ภาคธุรกิจหลายองค์กร เริ่มปรับตัว ให้ความสำคัญ และให้ความร่วมมือจากการทำฉลากคาร์บอน-ฟุตพริ้นท์ การลดและเลิกใช้สารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอนที่ทำลายชั้นบรรยากาศในอุตสาหกรรมทำความเย็น และการส่งเสริมการใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ในการก่อสร้างและเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์คอนกรีต

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลมุ่งเน้นเพิ่มพื้นที่สีเขียวทุกประเภทให้ได้ 55% ภายในปี 2580 เพื่อสร้างสมดุลในการดูดซับก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และในปีนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้บรรลุเป้าหมายการปลูกต้นไม้ 100 ล้านต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ