นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.82 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.77 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 35.74 - 35.84 บาท/ดอลลาร์ วันนี้เงินบาท ค่อนข้างทรงตัว เช่นเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค โดยระหว่างวันยังไร้ปัจจัยใหม่
นักบริหารเงิน ประเมินเงินบาทวันพรุ่งนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.65 - 35.85 บาท/ดอลลาร์ ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามใน ช่วงนี้ คือ ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 135.05 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 135.18 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0186 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0173 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,608.87 จุด เพิ่มขึ้น 7.78 จุด (+0.49%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 63,266 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 4,553.35 ลบ. (SET+MAI)
- ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ระบุว่า สัปดาห์นี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจไทย จบ
ยุคดอกเบี้ยต่ำของไทยที่เกิดขึ้นมาหลายปี สู่จุดเริ่มต้นของการปรับขึ้นดอกเบี้ยกลับไปสู่ปกติ ส่วนอัตราดอกเบี้ยของไทยจะปรับขึ้นเท่าไร ไป
จบลงที่ตรงจุดไหนในช่วงต่อไปนั้น คงต้องรอคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตัดสินใจ โดยมีปัจจัยหลักที่จะเป็นหัวใจสำคัญกำหนด
ดอกเบี้ยต่อไปคือ แนวโน้มของเงินเฟ้อ ที่ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ทั่วโลกต้องแข่งกันปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา และ
สำหรับไทยจะเกิดขึ้นในช่วงต่อไปเช่นกัน
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันพุธที่จะถึงนี้ คาดว่า กนง.
จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.75% ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนว
โน้มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ กนง. มีแนวโน้มที่จะทยอยถอนคันเร่งทางเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2565 ปรับลดระดับโควิดจากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่เฝ้า
ระวัง พร้อมมีมติเห็นชอบกรอบนโยบายในการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคโควิด-19
- กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยขณะนี้ไทยพบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 แล้วจำนวน 5 ราย โดยตั้งแต่สัปดาห์
หน้าเป็นต้นไป จะเริ่มการตรวจเฝ้าระวังในระดับพื้นที่เพิ่มเติม ส่วนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 ยังไม่พบในประเทศไทย
ขณะที่ผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในประเทศ ยืนยันอยู่ที่ 4 ราย โดยนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสตรวจไม่พบเชื้อ และจากการติดตาม
ผู้ใกล้ชิด ไม่มีใครติดเชื้อ
- วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการปรับลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) มูลค่า 4.3 แสนล้านดอลลาร์
เมื่อวานนี้ (7 ส.ค.) นับเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขณะที่พรรคเดโมแครตคาดหวังว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะช่วย
ให้พรรคยังคงควบคุมรัฐสภาได้ในการเลือกตั้งกลางเทอมปีนี้
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก เปิดเผยว่า เฟดยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
0.50% ในการประชุมนโยบายครั้งถัดไป พร้อมชี้ว่า เฟดยังห่างไกลจากการบรรลุเป้าหมายในการสกัดเงินเฟ้อ
- นักวิเคราะห์จากไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล คอร์ป (CICC) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีน
เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และกำลังจะพุ่งเกิน 3% จากปีก่อนหน้า ซึ่งจะมากกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ระดับ 3%
ทำให้เกิดความท้าทายต่อทางการจีน ที่เดิมทีก็ต้องหาทางฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เปราะบางอยู่แล้ว
- ไต้หวันให้คำมั่นว่าจะไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดันจากจีน หลังจีนทำการซ้อมรบทางทะเลและอากาศในพื้นที่รอบ
ไต้หวันติดต่อกันหลายวัน โดยจีนตั้งเป้าซ้อมรบต่อเนื่องแม้กลุ่มผู้นำโลกเรียกร้องให้ยุติการกระทำดังกล่าว
- ทางการญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 1.324 แสนล้านเยน (980 ล้านดอลลาร์) ในเดือนมิ.ย. ปีนี้ จากที่
เคยเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 8.72 แสนล้านเยน ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นการขาดดุลครั้งแรกในรอบ 5 เดือน เนื่องจากญี่ปุ่นมี
ยอดนำเข้าที่สูงกว่ายอดส่งออก ซึ่งสะท้อนให้เห็นแรงกดดันจากปัญหาราคาพลังงานและวัตถุดิบแพง