นายนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น รัฐบาลได้วางเป้าหมายให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และประกาศพลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทยสู่มิติใหม่ที่สมดุลอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศเป็นหลัก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้เดินหน้าทำการตลาดเชิงรุก ด้วยโครงการ "ชวนเที่ยวไทย" เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวทั่วไทย ผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งใช้ Digital Platform เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวแบบ "ชวนเที่ยวไทย"แบบใหม่สไตล์ 5 ภูมิภาค
ทั้งนี้ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในโอกาสปีท่องเที่ยวไทย 65-66 หรือ "Visit Thailand Year 2022-2023 : Amazing New Chapters" เพื่อมุ่งผลักดันเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวตลาดในประเทศปี 65 ไปถึงเป้าหมาย 160 ล้านคน-ครั้ง และสร้างรายได้ 656,000 ล้านบาท ก่อเกิดเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้มั่นคงอย่างยั่งยืนต่อไป
"ฝากถึงนายกฯ ททท. ขอเงินอัดฉีดเพื่อให้สามารถทำได้ตามเป้า นักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน และไทยเที่ยวไทย 160 ล้านคน-ครั้ง โดยช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. เป็นช่วงไฮซีซัน คาดมีนักท่องเที่ยวเดือนละ 50 ล้านล้านคน-ครั้ง ทั้งนี้ คาดรายได้ 1.2 ล้านล้านบาททำได้ตามเป้าแน่นอน ส่วนเป้า 1.5 ล้านล้านบาท จะต้องใช้กลยุทธ์ด้านการท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวใช้เงินในการเที่ยวมากขึ้น" นายพิพัฒน์ กล่าว
ในส่วนของการขอ Booster shot ของกีฬา ได้มีการหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีแล้ว ขณะนี้รอผู้จัดการกองทุน เพื่อนำงบมาดูว่าในปี 66 จะมีเงินสะสมเพียงพอหรือไม่สำหรับการทำ Booster shot Sport Tourism
"เราไม่ได้เอาเงินจากงบ จากเงินกู้ แต่เอาจากกองทุนมาใช้ ซึ่งเชื่อว่ากองทุนมีเหลือ แต่ขอให้ทางผู้จัดการกองทุนทำงบดุล และหารือเพื่อนำเข้าบอร์ดอีกครั้ง ส่วนกรอบเวลาต้องรอเพราะเป็นปีงบประมาณ 66 จะเริ่มใช้ได้ก็ต้องเดือนต.ค. เป็นต้นไป แต่ต้องเอางบออกมาให้ได้มากที่สุด ส่วนการขยายวีซ่าต่างชาติเป็น 45 วัน จะนำเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ในวันที่ 19 ส.ค. นี้ ซึ่งน่าจะเป็นส่วนช่วยในการดันเป้าให้ได้ 1.5 ล้านล้านบาท" นายพิพัฒน์ กล่าว
ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า สำหรับแนวทางในการส่งเสริมการตลาดเชิงรุก ททท. ได้นำพลัง Soft Power ปลุกกระแสท่องเที่ยวในประเทศกับแคมเปญ "Stylecation ชวนเที่ยวไทย..แบบที่ใช่สไตล์ที่ชอบ นำเสนอผ่านกลยุทธ์ "Celebrity Marketing" ร่วมกับ นายกฤษฏ์ อำนวยเดชกร (พีพี) และนายพุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล (บิวกิ้น) ผู้นำสไตล์การท่องเที่ยว ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ ที่สร้างแรงบันดาลใจและออกแบบการท่องเที่ยวในแบบฉบับของตัวเอง ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวปัจจุบันที่นิยมเดินทางตามไลฟ์สไตล์ผสมผสานกิจกรรมที่ชอบสร้างความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครในทุกการเดินทางท่องเที่ยว
พร้อมจัดทำ Vlog Stylecation ชวนคนไทยออกไปเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรองทั่วประเทศ ภายใต้ธีมเอกลักษณ์ของ 5 ภูมิภาคที่แตกต่างกัน ได้แก่ ภาคเหนือ : เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ - North Nostalgia ภาคกลาง : Trendy C2 ภาคกลาง (Create new Experience และ Charming of Central) - Chic Central ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : หลงรักแผ่นดินถิ่นอีสาน - Isan in Love ภาคใต้ : หรอยแรงแหล่งใต้ - Savory South และ ภาคตะวันออก : สบ้าย สบาย ตะวันออก - East at Ease
"Vlog Stylecation จะนำเสนอเรื่องราวการเดินทางของทั้งสองคนที่ต้องการออกไปค้นหาแรงบันดาลใจ พร้อมร่วมกันดูแลเมืองไทย ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมผ่านการเดินทาง 5 สไตล์ 5 ภูมิภาค เพื่อให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ Amazing ยิ่งกว่าเดิม และเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ ทั้งสื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดีย รวมถึงอินฟลูเอ็นเซอร์ชั้นนำของเมืองไทย เป็นต้น" นายยุทธศักดิ์ กล่าว
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. เปิดเผยว่า ในส่วนของกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ททท. ผนึกกำลังพันธมิตรภาคเอกชน ทั้งบริษัทนำเที่ยว โรงแรมที่พัก สายการบิน บริษัทประกันภัย จัดทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด "Stylecation Deal" มอบส่วนลดสูงสุด 60%
ในส่วนของการของบประมาณ Booster shot จำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวนั้น ขณะนี้ ททท. ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แล้ว อยู่ระหว่างรอสภาพัฒน์เรียกเพื่อเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.)