นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC-CI) ประจำเดือนก.ค. 65 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจและหอการค้าทั่วประเทศ จำนวน 369 ตัวอย่าง ในระหว่างวันที่ 25-29 ก.ค. 65 โดยดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 37.9 เพิ่มขึ้นจากระดับ 36.3 ในเดือนมิ.ย. 65
โดยดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในแต่ละภูมิภาค เป็นดังนี้
- กรุงเทพฯ และปริมณฑล ดัชนีฯ อยู่ที่ 37.0 เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย. ซึ่งอยู่ที่ 35.5
- ภาคกลาง ดัชนีฯ อยู่ที่ 38.8 เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย. ซึ่งอยู่ที่ 37.5
- ภาคตะวันออก ดัชนีฯ อยู่ที่ 41.5 เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย. ซึ่งอยู่ที่ 40.0
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดัชนีฯ อยู่ที่ 37.7 เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย. ซึ่งอยู่ที่ 36.4
- ภาคเหนือ ดัชนีฯ อยู่ที่ 37.4 เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย. ซึ่งอยู่ที่ 35.7
- ภาคใต้ ดัชนีฯ อยู่ที่ 35.9 เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย. ซึ่งอยู่ที่ 34.3
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกับดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือน ก.ค. 65 มีดังนี้
- ปัจจัยบวก ได้แก่
1. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้ผ่อนคลายมาตรการในการเดินทางระหว่างประเทศ และยกเลิกระบบ Thailand Pass สำหรับคนไทยและชาวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 65 เป็นต้นไป ส่วนการบริโภคสุราหรือแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร สามารถเปิดได้ถึงเวลา 02.00 น. ตามที่กฎหมายกำหนด
2. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 65 จะขยายตัวที่ 3.5% (ช่วงคาดการณ์ 3.0-4.0%)
3. ราคาน้ำมันขายปลีกแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 91 (E10) และแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 (E10) ในประเทศปรับตัวลดลงประมาณ 7.30 บาทต่อลิตร
4. การส่งออกของไทยเดือน มิ.ย. 65 ขยายตัว 11.85% มูลค่าอยู่ที่ 26,553.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้าขยายตัว 24.85% มีมูลค่าอยู่ที่ 28,082.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 1,529.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
5. SET Index เดือน ก.ค. 65 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.08 จุด จาก 1,568.33 ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 65 เป็น 1,576.41 ณ สิ้นเดือน ก.ค. 65
6. ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้นหรือทรงตัวในระดับที่ดี โดยเฉพาะมันสำปะหลัง ยางพารา และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
- ปัจจัยลบ ได้แก่
1. ความกังวลของเศรษฐกิจยังชะลอตัวลง ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง
2. ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน และการทำธุรกิจ
3. สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ซึ่งเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกให้ช้าลง
4. ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วม และน้ำป่าไหลหลากในบางพื้นที่ของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จนส่งผลเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน
5. ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับ 34.972 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 65 เป็น 36.344 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นเดือน ก.ค. 65
ทั้งนี้ มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ และแนวทางการดำเนินการของภาคเอกชน ดังนี้
- รัฐบาลควรดูแลเรื่องต้นทุนของผู้ประกอบการที่สูงขึ้น จากระดับราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น
- ปัญหาคุณภาพชีวิต ความเหลื่อมล้ำในการดำเนินชีวิตจากราคาสินค้าต่างๆ ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จนกระทบต่อการใช้ชีวิต และต้นทุนในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ
- แนวทางการดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่จะเข้าไปท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย
- แนวทางการป้องกัน และเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ อาทิ น้ำท่วมหรือน้ำป่าไหลหลากเข้าบ้านเรือนประชาชน
- แนวทางการป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสทั้งจากไวรัสโควิด-19 และฝีดาษลิง ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตภาคประชาชน และการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ
- กระตุ้นประชาชนให้เร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้เกิดผลรุนแรงหากได้มีการสัมผัสเชื้อ