นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน ส.ค.65 อยู่ที่ระดับ 58.05 เพิ่มขึ้น 1.81 จุด หรือคิดเป็น 3.22% ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค.65 ที่ระดับ 56.24 จุด โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นมาจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย, การอ่อนค่าของเงินบาท, ความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
ขณะที่คาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำในช่วงเดือน ส.ค.65 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 348 ราย ในจำนวนนี้มี 174 ราย หรือคิดเป็น 50% จะซื้อทองคำ ส่วนจำนวน 102 ราย หรือเทียบเป็น 29% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำในเดือนนี้หรือไม่ และจำนวน 72 ราย หรือเทียบเป็น 21% ไม่ซื้อทองคำ
สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 13 ราย ในจำนวนนี้มี 6 ราย หรือคิดเป็น 46% เชื่อว่าราคาทองคำในเดือน ส.ค.65 จะเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 5 ราย หรือคิดเป็น 39% คาดว่าใกล้เคียงกับราคาทองคำในเดือน ก.ค.65 และจำนวน 2 ราย หรือคิดเป็น 15% คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้การคาดการณ์ราคาทองคำในเดือน ส.ค.65 ของผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่มีมุมมองดังนี้ Gold Spot ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 1,702-1,840 ดอลลาร์/ออนซ์ ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 29,500-30,800 บาท/บาททองคำ และด้านค่าเงินบาทให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 35.26-36.83 บาท/ดอลลาร์
การลงทุนทองคำในเดือน ส.ค.65 ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ให้ความเห็นว่า สถานการณ์ราคาทองคำในระยะสั้นหากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ และประเทศต่างๆ ทั่วโลก คาดว่าราคาทองน่าจะมีการปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง โดยแนะนำให้สะสมซื้อบางส่วนเมื่อราคาย่อตัวลง เนื่องจากในระยะสั้นมี Technical Rebound แต่โดยภาพรวมในระยะยาวราคาทองคำยังคงมีทิศทางไม่แน่นอน โดยให้ติดตามการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ระหว่างวันที่ 26-27 ส.ค.65 ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อราคาทองคำ