นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 0.50% เป็น 0.75% ต่อปีนั้น ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีบทบาทในการดูแลภาคการเกษตร และการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้มีความเข้มแข็ง พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้ง อัตราดอกเบี้ยลูกค้าสถาบันชั้นดี (MLR) อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MOR) และอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ไว้ให้นานที่สุด
ทั้งนี้ เพื่อแบ่งเบาภาระอัตราดอกเบี้ยในช่วงขาขึ้น ให้กับเกษตรกรลูกค้า สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการด้านการเกษตร ให้มีกำลังในการฟื้นตัวจากผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจและแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
นายธนารัตน์ กล่าวว่า ธ.ก.ส. ได้กำหนดแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าในทุกกลุ่ม เริ่มตั้งแต่การดูแลภาระหนี้สิน เพื่อลดความกังวลใจในเรื่องหนี้ เช่น การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และการขยายระยะเวลาชำระหนี้ ให้ลูกค้าสามารถชำระหนี้ได้ตามศักยภาพ การจัดทำคลินิกหมอหนี้ เพื่อลดหนี้ครัวเรือน การไกล่เกลี่ยหนี้ และให้คำปรึกษาด้านการจัดการหนี้ ทั้งหนี้ในและนอกระบบ รวมถึงแนวทางการประกอบอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ การเติมสินเชื่อใหม่ ภายใต้อัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายและการลงทุน เช่น สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ สินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน อัตราดอกเบี้ย 4% สินเชื่อแฟรนไชส์ สินเชื่อ Green Credit สินเชื่อ Contract Farming อัตราดอกเบี้ย MRR สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย อัตราดอกเบี้ย 0.01% เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการประกอบอาชีพ เช่น การปรับเปลี่ยนการผลิตไปปลูกพืชที่มีมูลค่าสูง การลดต้นทุนการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต รวมถึงสนับสนุนแนวทางการประกอบอาชีพเสริม เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและชุมชน