(เพิ่มเติม) สศค.คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 5.6%และมีความสมดุลมากขึ้นจากอุปสงค์ในปท.ฟื้น

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 26, 2008 14:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ในระดับ 5.6% หรืออยู่ในช่วงคาดการณ์ที่ 
5-6% จาก 4.8% ในปี 50 โดยมีอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวตามการขยายตัวที่ดีขึ้นของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน และการ
เร่งใช้จ่ายของภาครัฐ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นมาที่ 4.5% และคาดว่าจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ 0.5% ต่อจีดีพี
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะมีความสมดุลมากขึ้น อุป
สงค์ภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ฟื้นตัวขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีก่อน และการใช้จ่ายภาครัฐที่เร่งตัว
ขึ้น ตามนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงที่อุปสงค์ภายนอกประเทศมีแนวโน้มลดลงจากความเสี่ยงของการชะลอ
ตัวของเศรษฐกิจโลก
สำหรับด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่ายังคงเกินดุลอยู่ที่ 0.5% ต่อจีดีพี
โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ 0.3-0.8% ต่อจีดีพี แต่เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะปรับ
ตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 4.5% โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ 4.3-4.8% ตามการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก
นางพรรณี กล่าวว่า แรงขับเคลื่อนหลักจะมาจากการใช้จ่ายภายในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่มี
แนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดยการบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัว 4.0% เพิ่มขึ้นจาก 1.4% ในปี 50 เนื่อง
จากรายได้ที่แท้จริงของภาคประชาชนมีแนวโน้มสูงขึ้นจากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก การเพิ่มขึ้น
ของเงินเดือนราชการและค่าจ้างขั้นต่ำ ในขณะที่มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มรายได้ให้แก่
ประชาชน
สำหรับการลงทุนภาคเอกชน คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นจากฐานที่ต่ำมากของการลงทุนที่ขยายตัวเพียง 0.5% ในปี 50 มาที่
9.7% ในปีนี้ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตราการใช้กำลังการผลิตในปัจจุบันที่อยู่ในระดับสูงจนใกล้เต็มกำลังการผลิต ประกอบกับ
โครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจำนวนมากในปีก่อนและมาตรการรัฐบาลเพื่อสนับสนุนปีแห่งการลงทุน จะจูงใจให้ภาค
เอกชนเร่งการลงทุน
นอกจากนั้น การเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลภายใต้กรอบนโยบายการคลังที่ขาดดุลที่ 1.8% ของ GDP ในปี
งบประมาณ 2551 และ2.5% ของ GDP ในปีงบประมาณ 2552 รวมทั้งการเร่งรัดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ จะช่วยเพิ่ม
อุปสงค์การใช้จ่ายภายในประเทศ และช่วยจูงใจให้การลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย
ด้านอุปสงค์ภายนอกประเทศมีแนวโน้มชะลอลง โดยปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการมีแนวโน้มขยายตัวลดลงมาอยู่ที่
6.9% จาก 7.1% ในปี 50 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี โครงสร้าง
การส่งออกและนโยบายเร่งส่งออกที่เปลี่ยนไปยังประเทศเกิดใหม่ที่มีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสูง ประกอบกับ
นโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มรายได้จากการบริการท่องเที่ยว จะช่วยสนับสนุนให้ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการโดยรวมยัง
ขยายตัวได้ในเกณฑ์ดี
สำหรับปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการในปีนี้จะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศมาอยู่ที่ 10.3%
เร่งตัวขึ้นจาก 3.5% ในปี 50
สศค.มองว่าเสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศมีปัจจัยเสี่ยง
จากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2551 คาดว่าจะเกินดุลลดลง จากการเกินดุลการค้าที่ลดลง
ตามมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ 13.5% แต่มูลค่านำเข้าสินค้าเร่งตัวขึ้นตามการใช้จ่ายในประเทศมาที่ 25.0%
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะปรับตัวขึ้นสูงขึ้นมาอยู่ที่ 4.5% ตามราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกมี
แนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ