ครม.อนุมัติลดภาษีประจำปีให้แท็กซี่-สามล้อ-วินมอเตอร์ไซค์ ลดภาระค่าใช้จ่าย

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 16, 2022 16:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.ลดภาษีประจำปี สำหรับรถยนต์รับจ้าง รถยนต์รับจ้างสามล้อ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. .... เพื่อช่วยลดต้นทุนการประกอบการรถสาธารณะทั้งรถยนต์รับจ้าง (แท็กซี่) รถยนต์รับจ้างสามล้อ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายจากราคาพลังงานโลกมีการปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากวิกฤติพลังงานรอบใหม่ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ จากสงครามการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการนำเข้าพลังงานถึง 75% ส่งผลให้ต้นทุนการประกอบการของรถสาธารณะเพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบอาชีพ อาจจะไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต

ทั้งนี้ ร่างพ.ร.ฎ.ฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ลดอัตราภาษีรถประจำปีสำหรับรถยนต์รับจ้าง รถยนต์รับจ้างสามล้อ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่ครบกำหนดเสียภาษีรถประจำปีระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 65 ถึง 30 กันยายน 66 ลง 90% ของอัตราภาษีประจำปีท้าย พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 ดังนี้

  • รถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) น้ำหนักรถ 1,300 กิโลกรัม เสียภาษี 68.50 บาท จากเดิม 685 บาท, น้ำหนักรถ 2,000 กิโลกรัม เสียภาษี 106 บาทจากเดิม 1,060 บาท
  • รถยนต์รับจ้างสามล้อ น้ำหนัก 500 กิโลกรัม เสียภาษี 18.50 บาท จากเดิม 185 บาท
  • รถจักรยานยนต์สาธารณะ (อัตราภาษีจะคิดต่อคัน) เสียภาษี 10 บาท จากเดิม 100 บาท
"มาตรการลดอัตราภาษีในครั้งนี้ ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 70.25 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.197%ของภาษีของรถทุกประเภททั้งหมดที่จัดเก็บ จึงส่งผลกระทบต่อรายได้ของ กทม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพียงเล็กน้อย แต่สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบอาชีพขับรถสาธารณะได้อีกมาตรการหนึ่ง" นายธนกร ระบุ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการเยียวยาโครงการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพ รถแท็กซี่ และรถยนต์สาธารณะที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่อยู่ในกลุ่มแรงงานนอกระบบและไม่เป็นผู้ประกันตน ตาม ม.33 ม. 39 และม. 40 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ไปแล้ว รวม 16,694 คน (แท็กซี่ จำนวน 12,918 คนและวินมอเตอร์ไซค์ จำนวน 3,776 คน) โดยสนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าของชีพคนละ 5000 บาท/เดือน รวม 16,694 คน ภายใต้กรอบวงเงิน 166.94 ล้านบาทแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ