นายธารา ธีรธนากร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาว่าจ้างด้านวิศวกรรม ก่อสร้าง การจัดซื้อ และติดตั้งอุปกรณ์ ในโครงการพัฒนาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งปลาทอง ระยะที่ 2 ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 200 กิโลเมตร โดยจะมีการก่อสร้างแท่นผลิตกลางและแท่นที่อยู่อาศัยในอ่าวไทย โดยการก่อสร้างคาดว่าจะเริ่มในไตรมาสที่สี่ของปี 2551 นี้
เชฟรอน เป็นผู้ดำเนินงานในโครงการพัฒนาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งปลาทอง ระยะที่ 2 โดยมีสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 69.8 และมีผู้ร่วมทุนคือ บริษัท มิตซุยออยล์ เอ็กซโปลเรชั่น จำกัด ร้อยละ 27.4 และ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) ร้อยละ 2.8 ได้ลงนามสัญญาว่าจ้างด้านวิศวกรรมก่อสร้างดังกล่าว กับบริษัทในเครือของ เจ เรย์ แม็กเดอร์ม็อตต์ เอส เอ
"โครงการก๊าซธรรมชาติปลาทอง ระยะที่ 2 นี้ คาดว่าจะสามารถรองรับปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติโดยรวมของไทยในปี 2554 ได้ถึงประมาณร้อยละ 7 หรือประมาณร้อยละ 14 ของความต้องการก๊าซธรรมชาติที่นำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ โครงการจะช่วยให้เกิดการจ้างงานและรายได้จำนวนมากให้แก่ประเทศอีกด้วย
เราคาดว่าการก่อสร้างและติดตั้งแท่นโครงสร้างต่างๆ ของโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2553 และวางแผนที่จะเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติในปี 2554 โดยแท่นผลิตก๊าซธรรมชาติกลางซึ่งมีขนาด 19,000 ตันนี้ นับเป็นความสำเร็จด้านเทคโนโลยี โดยจะเป็นหนึ่งในแท่นผลิตกลางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอ่าวไทยอีกด้วย" นายธารา กล่าว
ทั้งนี้ องค์ประกอบหลักของโครงการก๊าซธรรมชาติปลาทอง ระยะที่ 2 นี้ ประกอบด้วย แท่นผลิตกลาง 1 แท่น แท่นที่อยู่อาศัยขนาด 200 คน และสะพานเชื่อมต่อระหว่างแท่น นอกเหนือจากในส่วนของสัญญานี้ บริษัท เชฟรอนฯ จะทำการติดตั้งแท่นหลุมผลิตในเบื้องต้นอีก 5 แท่น และท่อก๊าซเชื่อมต่อระหว่างแท่นหลุ่มผลิตในอ่าวไทย โดยในส่วนแท่นหลุมผลิตนี้จะดำเนินการก่อสร้างและประกอบในประเทศไทยทั้งหมด
ด้านนายโจ จาจา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอนเอเชียเซ้าท์ จำกัด กล่าวว่า โครงการพัฒนาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งปลาทอง ระยะที่ 2 เป็นโครงการยุทธศาสตร์สำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเชฟรอนเติบโตในภูมิภาคนี้ ซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยโดยรวม ให้เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 2,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
เชฟรอนคาดว่าโครงการพัฒนาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งปลาทอง ระยะที่ 2 จะสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้มากกว่า 330 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยแท่นผลิตได้รับการออกแบบให้สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้สูงสุดถึง 420 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยใช้งบประมาณในการพัฒนาโครงการทั้งสิ้นประมาณ 3,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 99,000 ล้านบาท โดยในปี 2550 ที่ผ่านมาเชฟรอนมียอดการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเหลวได้เฉลี่ยมากกว่า 138,000 บาร์เรลต่อวัน(สุทธิ 71,000 บาร์เรลต่อวัน) และสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้เฉลี่ย 1,700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน(สุทธิ 916 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน)
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/รัชดา/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--