นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คดีแชร์ Forex-3D อัยการคดีพิเศษ 4 ได้ยื่นฟ้องคดี 3 สำนวน ดังนี้ คดีแรก มีนายอภิรักษ์ โกภูธิ ผู้บริหาร Forex-3D ข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.ก.ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน คดีที่ 2 ฟ้องกลุ่มแม่ข่าย โดย 2 คดีนี้ศาลสั่งรวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันและนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 29 ส.ค. เวลา 09.00 น.
และเมื่อวาน (18 ส.ค.) ได้ยื่นฟ้องน.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือ พิ้งกี้ นักแสดงนางแบบชื่อดัง พร้อมกับแม่และพี่ชาย ในข้อหาเดียวกัน ศาลนัด 26 ก.ย. รวมมีจำเลยทั้งสิ้น 19 คน
นอกจากนั้น จากการตรวจสอบสำนวนของอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เห็นว่าการกระทำของจำเลยมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน อัยการจึงแนะนำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ออกหมายเรียกผู้ต้องหาอีก 16 คน มาสอบสวนดำเนินคดี ซึ่งในจำนวนนี้มีนายพัฒนพล มินทะขิน สกุลเดิม กุญชร ณ อยุธยา หรือ "ดีเจแมน" กับ น.ส.สุธีวัน กุญชร หรือ "ใบเตย" นักร้องดัง รวมอยู่ด้วย
ด้านพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ DSI ในฐานะโฆษก DSI เปิดเผยว่า DSI ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายจำนวนมาก เริ่มแรกเมื่อปี 62 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 1853/2562 สามารถจับกุมตัว นายอภิรักษ์ ในฐานะผู้บริหาร Forex-3D พร้อมพวกรวม 4 ราย ต่อมาตรวจสอบเส้นทางการเงินเพิ่มเติม จึงรับเป็นคดีฟอกเงิน 36/2563 ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนหาหลักฐาน
หลังจากส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 1853/2562 แล้ว พนักงานอัยการมีคำแนะนำให้ DSI ดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 21 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด จึงมีการสืบสวนสอบสวนพบว่าเข้าข่ายความผิด ซึ่งเป็นกลุ่มของ น.ส.สาวิกา หรือ พิ้งกี้ นักแสดงชื่อดัง , นายกิตติเชษฐ์ หรือ สรายุทธ ไชยเดช พี่ชาย และ นางสรินยา ไชยเดช มารดา กับพวกรวม 21 คน แต่ไม่มาศาล 2 คน รวมเอาผิดได้ 19 คน โดยจำเลยต้องนำหลักฐานพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาลยืนยันความบริสุทธิ์
"กรณีที่ พิ้งกี้ มาร่วมในขบวนการแชร์ Forex-3D นั้น เพราะพี่ชายของพิ้งกี้สนิทกับนายอภิรักษ์ จึงชักชวนแม่กับน้องมาร่วมลงทุน ซึ่งลักษณะการทำงานแบ่งหน้าที่กัน อาทิ ผู้ร่วมลงทุน ผู้ชักชวน หรือแม่ข่าย เป็นต้น สำหรับ พิ้งกี้ คาดว่าน่าจะเป็นผู้ร่วมลงทุน"พ.ต.ต.วรณัน กล่าว
นอกจากนี้ อัยการมีคำแนะนำให้ดำเนินคดีเพิ่ม 16 คน โดยเป็นกลุ่มที่ร่วมลงทุนเช่นกัน มีชื่อ ดีเจแมนและใบเตย ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนและจะเรียกมาในลำดับต่อไป
พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า กระบวนการสอบสวนคือ DSI ต้องพิจารณาว่าบุคคลดังกล่าวมีความผิดหรือน่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่ ถ้ามีความผิดจริงจึงจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ต้องไปสอบสวนก่อน ทั้งในมิติที่ว่าพฤติการณ์เป็นอย่างไร รวมไปถึงพยานหลักฐานอื่นๆประกอบด้วย จากนั้นจึงจะมาดูในส่วนของข้อกฎหมายว่าควรจะแจ้งข้อกล่าวหาใดบ้าง ส่วนทั้งหมดจะรับสารภาพในข้อหาหรือปฏิเสธก็เป็นสิทธิ ซึ่งถ้าหากปฏิเสธก็ต้องหาพยานหลักฐานที่มีมาแก้ข้อหา