ผู้ว่าแบงค์ชาติออสเตรเลียฟุ้งธนาคารพาณิชย์ในปท.รอดพ้นจากวิกฤติสินเชื่อ

          เกลน สตีเวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียเปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ในออสเตรเลียสามารถเอาตัวรอดจากผลกระทบด้านลบจากวิกฤตสินเชื่อทั่วโลกได้ โดยธนาคารเหล่านี้ยังสามารถทำกำไรและมีปริมาณเงินทุนสำรองในระดับสูง
          "ปัญหาซับไพรม์ของสหรัฐส่งผลกระทบต่อออสเตรเลียเพียงเล็กน้อย" สตีเวนส์กล่าวในที่ประชุม Euromoney "ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ออสเตรเลียรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ดังกล่าวมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งนานหลายปี รวมถึงการวางพื้นฐานด้านกฎระเบียบที่รัดกุม ตลอดจนการจัดการความเสี่ยงที่รอบคอบ" 
          ความแข็งแกร่งที่มีอยู่ในระบบการเงินได้ทำให้ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้สู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี เพื่อยับยั้งการขยายตัวของเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2534 ทั้งนี้ ธนาคารกลางได้ขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 4 ครั้งนับตั้งแต่เดือนส.ค. ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ แคนาดา และอังกฤษต่างปรับลดดอกเบี้ยกู้ยืม เพื่อหวังบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
          อย่างไรก็ตาม นายสตีเวนส์ยอมรับว่า ระบบการเงินในประเทศได้รับผลกระทบจากความผันผวนทั่วโลกอยู่บ้าง โดยจะเห็นได้จากหุ้นของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่สองแห่งอย่างเนชั่นเนล ออสเตรเลีย แบงค์ และคอมมอนเวลธ์ แบงค์ ออฟ ออสเตรเลียที่ดิ่งลง 25% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา"
          สตีเวนส์กล่าวว่า ธนาคารกลางได้เพิ่มสภาพคล่องให้กับสถาบันการเงินของออสเตรเลียหลายแห่งที่กำลังเผชิญกับปัญหาสินเชื่อทั่วโลกตามความจำเป็น
          ด้านไบรอัน จอห์นสัน นักวิเคราะห์จากเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า "ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าธนาคารพาณิชย์ในออสเตรเลียไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อเลย โดยกล่าวว่า ขณะที่ธนาคารในออสเตรเลียไม่ได้เป็นผู้ปล่อยเงินกู้รายใหญ่ให้กับลูกหนี้กลุ่มซับไพรม์ ดังนั้นเราจึงยังมีสภาพเป็นลูกหนี้ในส่วนของการออกเงินกู้จำนองบ้านมากกว่าที่จะเป็นผู้ให้กู้แก่ลูกค้ารายย่อย"