นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเย็นนี้อยู่ที่ 36.36 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อเช้าอยู่ที่ 36.35 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 36.30 - 36.48 บาทดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่า เงินในภูมิภาค
"ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน แต่ยังเกาะกลุ่มค่าเงินในภูมิภาค" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 36.25 - 36.45 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 36.4171 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 138.23 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 138.57 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0051 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0002 ดอลลาร์/ยูโร
- รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยืนยันจะไม่มีการปรับ ครม.ในช่วงที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเพราะรัฐบาลยังทำ
งานได้ ขณะที่บรรยากาศการประชุม ครม.ในวันนี้เรียบร้อยดี
- นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ระบุขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้
และในช่วงสิ้นปีรัฐบาลจะดำเนินมาตรการที่เป็นของขวัญให้แก่ประชาชน โดยกระทรวงการคลังกำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใน
ช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้อยู่ อาทิ การลดหย่อนภาษี
- นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เผยความสำเร็จนำภาคเอกชนเจรจาการค้าที่ประเทศซาอุดิ
อาระเบียมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท พร้อมเชิญชวนให้เขช้าลงทุนในประเทศไทยที่จะเป็นประตูการค้าไปสู่อาเซียน
- ส.อ.ท.เผยผลสำรวจความคิดเป็นผู้บริหารระบุการปรับขึ้นค่าเอฟทีงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.65 อีก 68.66 สตางค์/หน่วย
หรือเพิ่มขึ้นจากงวดก่อนกว่า 18% ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ซึ่งอาจต้องมีการปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการอีกไม่เกิน 10% โดย
เสนอให้มีการทอยปรับขึ้นค่าเอฟทีงวดละไม่เกิน 5%
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ประกาศเตือนในวันนี้ (30 ส.ค.) ว่า ตลาดทั่วโลกเสี่ยงเผชิญภาวะผันผวนมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนมีแนวโน้มจะเผชิญภาวะ
เศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตาม นายเลนไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะเผชิญภาวะถดถอยทางเทคนิคเล็กน้อยเป็นการชั่วคราว
- กระทรวงการคลังจีน เผยเตรียมใช้มาตรการกระตุ้นอุปสงค์ รวมทั้งสร้างเสถียรภาพด้านเงินเฟ้อและการจ้างงานในช่วง
ครึ่งหลังของปี 2565 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ