นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีเชื่อมั่นหอการค้าไทย-จีนชี้ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4/65 ดีขึ้นจากไดรมาสก่อน โดยกลุ่มตัวอย่าง 40.3% คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น ขณะที่ 30.8% คาดว่าจะเติบโตแบบคงที่ และ 26.2% คาดว่าจะชะลอตัวลง เนื่องจากการขับเคลื่อนของธุรกิจท่องเที่ยว ออนไลน์ สินค้าเกษตรแปรรูป บริการสุขภาพ แต่เชื่อว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ถึง 3.3%
"ธุรกิจที่ยังสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ได้คือ ธุรกิจการท่องเที่ยว ออนไลน์ บริการสุขภาพ พืชผลการเกษตร โลจิสติกส์และสินค้าเกษตรแปรรูป และส่วนของธุรกิจที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ ธุรกิจการท่องเที่ยว พืชผลการเกษตร พลังงานและสาธารณูปโภค อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง และอุตสาหกรรมการผลิต ทั้งนี้ในส่วนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่จะนำไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้หากได้รับการแก้ไขอุปสรรคอย่างรวดเร็ว" นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
สำหรับความมั่นใจต่อข่าวที่สื่อต่างๆ นำเสนอว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำและในปี 65 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 3.3% กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 56.7% มองว่าเป็นไปได้น้อย ขณะที่ 39.7% มองว่ามีความเป็นไปได้มาก และที่เหลือมองว่าเป็นไปไม่ได้ โดยเห็นว่าอุปสรรคสำคัญคือการถดถอยเศรษฐกิจโลก แรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ เสถียรภาพการเมืองในประเทศ หนี้ครัวเรือนที่สูง
ด้านความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจโลกก่อนสิ้นปี 65 พบว่า กลุ่มตัวอย่าง 33.1% คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอยเล็กน้อยจากปัจจุบัน อีก 25.2% คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอยอย่างมาก และ 12.5% คิดว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ขณะที่กลุ่มตัวอย่าง 19.8% เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกจะมีแนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่ปัจจัยทางด้านการเงิน กลุ่มตัวอย่าง 65.4 % คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยน่าจะมีการปรับขึ้นอีกก่อนสิ้นปี 65 และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างไม่ราบรื่น
ส่วนความกังวลต่อความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยนั้น กลุ่มตัวอย่าง 41.6% คิดว่ามีผลต่อเศรษฐกิจไทย ส่วนอีก 20.7% และ 9.2% มีความเห็นว่ามีผลกระทบมากถึงมากที่สุด และส่วนที่เหลือไม่มีความกังวลเพราะเป็นเรื่องปกติที่ชาติมหาอำนาจขัดแย้งกัน อีกทั้งบางส่วนเห็นโอกาสเพราะเราไม่อยู่ในความขัดแย้งใดๆ
เมื่อพิจารณาถึงโอกาสในการส่งออกไปจีนในสถานการณ์ปัจจุบัน กลุ่มตัวอย่าง 54.4% ยังคงมีความมั่นใจ และ 31.5% มีความมั่นใจมากที่สุดว่าจีนยังเป็นตลาดส่งออกที่ไทยพึ่งพาได้ ส่วนด้านการท่องเที่ยวจากจีน กลุ่มตัวอย่าง 80.3% คิดว่านักท่องเที่ยวจีนจะลดลงจากที่คาดหวังไว้ล่วงหน้าด้วยสถานการณ์ของประเทศจีนเอง
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและไทย กลุ่มตัวอย่าง 40.7% คาดว่าเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนโดยรวมของจีนในไตรมาสที่ 4 จะดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ 3 ขณะที่กลุ่มตัวอย่าง 25.2% คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตแบบคงที่ และ 31.5% มีความเห็นว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะเติบโตช้าลง ซึ่งผลการประเมินดังกล่าวได้สะท้อนถึงการคาดคะเนการส่งออกของไทยไปยังประเทศจีนในไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 กลุ่มตัวอย่าง 43.6% คาดว่าการส่งออกของไทยไปยังจีนจะเพิ่มขึ้น ส่วนด้านการลงทุนของจีนในไทยพบว่า 42% ของผู้ให้ข้อมูลคิดว่าการลงทุนจากจีนในไทยในไตรมาสที่ 4 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 จะเพิ่มขึ้น ขณะที่ 30.8% คาดว่าการลงทุนจะไม่เปลี่ยนแปลง
ขณะที่การคาดการณ์ต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ยังไม่ได้รับข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากผู้ให้ข้อมูลมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป ส่วนแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 4 นั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 34.4% คาดว่าเงินบาทจะมีค่าแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และ 36.1% คิดว่าถ้าเงินบาทจะทรงตัวในช่วง 35.59-36.09 บาท/ดอลลาร์
ทั้งนี้ หอการค้าไทย-จีน ร่วมกับ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้สำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเพื่อคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/65 จากคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการบริหาร และสมาชิกหอการค้าไทยจีน และประธาน ผู้บริหาร กรรมการสมาพันธ์หอการค้าไทยจีน และกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่หอการค้าไทยจีนรวมทั้งสิ้น 305 คน เมื่อวันที่ 16-18 ส.ค.ที่ผ่านมา