นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า พอใจกับผลการเจรจาขยายความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยเฉพาะความตกลงในการยกระดับราคาข้าวในตลาดโลก ที่มีความคืบหน้าสามารถตกลงกันได้อย่างเป็นรูปธรรมเป็นครั้งแรก โดยจะเดินหน้าต่อทันที ทั้งนี้จะมีการแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจระดับสูง ที่มีนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ทำหน้าที่ประสานงานการขับเคลื่อนความร่วมมือดังกล่าว และตนได้สั่งการให้จัดประชุมระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับสมาคมชาวนา ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร สันนิบาตสหกรณ์ สมาคมโรงสีข้าว สมาคมผู้ค้าข้าว สมาคมผู้ส่งออกข้าว สภาธุรกิจไทย-เวียดนาม หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงและรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับถึงความตกลงระหว่างไทยกับเวียดนาม รวมทั้งปรึกษาหารือถึงก้าวต่อไป ทั้งเรื่องแนวทางและแผนดำเนินการในส่วนของฝ่ายไทย ซึ่งทุกภาคีภาคส่วนจะต้องมาผนึกกำลังทำงานร่วมกันเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของชาวนาและประเทศชาติ ความร่วมมือครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่สุด นอกจากนี้ ถือเป็นบันไดขั้นแรกของความพยายามร่วมกันระหว่างไทยและเวียดนามที่จะช่วยเหลือชาวนาให้ได้ราคาข้าวที่เป็นธรรมจากกลไกการค้าข้าวในตลาดโลกโดยเฉพาะในภาวะที่ต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เช่น ราคาปุ๋ย ราคายา และราคาน้ำมัน รวมทั้งวัตถุดิบอาหารสัตว์จากผลกระทบของวิกฤติซ้อนวิกฤติคือวิกฤติโควิด19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ราคาข้าวปรับตัวน้อยมากไม่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตข้าว
"ในส่วนของรัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายให้ความสำคัญกับชาวนามาโดยตลอดทำทุกอย่างเพื่อดูแลชาวนาไม่ว่าจะเป็นโครงการประกันรายได้ชาวนา การมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาโควิดครัวเรือนละ 1.5 หมื่น การสนับสนุนปัจจัยการผลิต การยกระดับนาแปลงใหญ่ การพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม การส่งเสริมเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิตลดต้นทุน เป็นต้น และล่าสุดคือการผนึกความร่วมมือระหว่างไทยกับเวียดนามในฐานะประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับ2และอันดับ3ของโลกเพื่อต่อสู้ต่อรองยกระดับราคาข้าวในเวทีโลก" นายเฉลิมชัย กล่าว