มอร์แกน สแตนลีย์คาดศก.ญี่ปุ่นชะลอตัวต่อถึง Q2 หลังข้อมูลศก.อ่อนแอ

          นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ได้แสดงความเห็นว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นอยู่ในภาวะที่อ่อนแอและคาดว่าภาวะเช่นนี้จะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงไตรมาส 2
          "ข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่นในวันนี้บ่งชี้ชัดเจนว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นกำลังย่ำแย่ มอร์แกน สแตนลีย์มองว่าเศรษฐกิจทั้งในญี่ปุ่นและสหรัฐเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยเล็กน้อยแล้ว และคาดว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 2" นายทาเกฮิโร่ ซาโตะ หัวหน้านักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์กล่าว 
          ในช่วงเช้าวันนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) พื้นฐาน เดือนก.พ.ขยายตัวขึ้น 1.0% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวเพียง 0.9% ทั้งนี้เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 18.2% และอาหารปรับตัวสูงขึ้น 1.2% 
          ขณะเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า อัตราว่างงานของญี่ปุ่นในเดือนก.พ.2551 ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 3.9% จากระดับ 3.8% ในเดือนก่อนหน้านี้ เนื่องจากบริษัทในประเทศได้ปรับลดจำนวนพนักงาน ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพการดำเนินธุรกิจที่มีปัญหามากขึ้น
          นักเศรษฐศาสตร์ที่ธอมสัน/ไอเอฟอาร์ มาร์เก็ตส์สำรวจความคิดเห็นคาดการณ์ว่า อัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.8% ในเดือนก.พ.
          ทั้งนี้ นายซาโตะกล่าวว่า ดัชนี CPI ของจีนขยายตัวขึ้นรวดเร็วมาก เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินพุ่งสูงขึ้น โดยผลสำรวจของศูนย์ข้อมูลด้านพลังงานในญี่ปุ่นพบว่า ราคาน้ำมันเบนซินโดยเฉลี่ย ณ วันที่ 10 มี.ค.อยู่ที่ 153 เยน/ลิตร ซึ่งเกือบแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 156 เยน/ลิตร 
          "ส่วนในด้านการจ้างงานนั้น ปัญหาติดขัดในการทำธุรกิจทำให้ผู้ประกอบการลดการจ้างงาน โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก บริษัทเหล่านี้ขาดแคลนแรงงานแต่ก็ไม่สามารถจ้างงานเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากต้นทุนราคาน้ำมันและวัตถุดิบพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งบั่นทอนตัวเลขกำไรของบริษัท เราคาดว่าอัตราว่างงานในญี่ปุ่นจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.0% ในเดือนมี.ค." นายซาโตะกล่าว
          นอกจากนี้ กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคภาคครัวเรือนของญี่ปุ่นในเดือนก.พ.ทรงตัวจากระดับในปีก่อนหน้านี้ โดยแตะระดับโดยเฉลี่ยที่ 275,827 เยน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน/ไอเอฟอาร์ มาร์เก็ตส์คาดว่า ตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้น 2.5%