คณะกรรมการขององค์การสหประชาชาติคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนอาจจะเติบโตในระดับปานกลางที่ระดับ 10.7% ในปี 2551 โดยคาดว่าจีนจะไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวมากนัก
"ตัวเลขการลงทุนที่แข็งแกร่งยังคงเป็นปัจจัยที่หนุนให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการเพื่อบรรเทาไม่ให้เศรษฐกิจในประเทศร้อนแรงจนเกินไป" รายงานจากสหประชาชาติและคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก (UNESCAP) ระบุ
"ยอดส่งออกที่ชะลอตัวลง และความพยายามของจีนที่จะบรรเทาความร้อนแรงทางเศรษฐกิจยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวในระดับปานกลาง" เขากล่าว
นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนคือ ความต้องการภายในประเทศ อัตราการใช้พลังงานของผู้บริโภคในเขตชนบทที่เพิ่มขึ้น และอัตราการอุปโภคบริโภคผ่านการใช้จ่ายของรัฐบาลและสวัสดิการสังคมที่สูงขึ้น
สถิติอย่างเป็นทางการชี้ให้เห็นว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของจีน พุ่งขึ้น 11.4% ในปี 2550 ซึ่งเป็นสถิติขยายตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 13 ปี
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า วิกฤตการณ์ซับไพรม์สหรัฐอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของ
จีนมากนัก
"เราเชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจที่ถดถอยของสหรัฐจะไม่ส่งผลกระทบต่อจีนมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในเอเชีย และจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เศรษฐกิจจีนอาจจะยังฟื้นตัวขึ้น แต่อาจจะซบเซาลง" ชูโวจิต บาเนอร์จี ผู้เชี่ยวชาญจาก UNESCAP กล่าว
รายงานดังกล่าวระบุว่า ยอดส่งออกสินค้าของจีนไปยังสหภาพยุโรปที่เพิ่มขึ้นจะช่วยชดเชยยอดส่งออกไปยังสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสินค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับที่ 2 ของจีนที่ลดลงได้ อีกทั้ง การค้ากับแอฟริกาก็ขยายตัวขึ้นเช่นกัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--