นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ด้านการตลาด ครั้งที่ 2/2565 ว่า ที่ประชุมได้ติดตามสถานการณ์ผลผลิตในประเทศของปี 65 พบว่า ปริมาณผลปาล์มเพิ่มขึ้น 4% สต็อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศช่วงปลายเดือน ส.ค.อยู่ที่ 2.6 แสนตัน เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับสิ้นเดือน ก.ค.
ด้านการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของไทย ตั้งแต่ ม.ค.-ส.ค. 65 อยู่ที่ 6.3 แสนตัน เพิ่มขึ้นถึง 97% โดยมีคู่แข่งสำคัญ คืออินโดนีเซีย ที่ขณะนี้เลิกห้ามการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบแล้ว และเร่งรัดการส่งออกด้วยการยกเลิกภาษีส่งออก ตั้งแต่ 18 ก.ค. -31 ต.ค. 65 ทำให้มีผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของไทยด้วย ตัวเลขส่งออกในเดือน ส.ค. และ ก.ย. ลดลงประมาณเท่าตัว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ มีมติเห็นชอบ 2 เรื่องสำคัญ คือ 1. เห็นชอบให้มีการดำเนินการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ปีที่ 4 โดยหลักเกณฑ์เหมือนกับ 3 ปีที่ผ่านมาทุกประการ ประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 4 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 25 ไร่ และผลปาล์มต้องอายุ 3 ปีขึ้นไป กำหนดจำนวนเกษตรกรไว้ 3.8 แสนครอบครัว จะมีการจ่ายเงินส่วนต่าง 12 งวด ถ้าราคาปาล์มในตลาด ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4 บาท โดยจะกำหนดราคาอ้างอิงทุก 30 วัน เริ่มจ่ายส่วนต่างงวดแรก 15 ก.ย. 65 - 15 ส.ค. 66 วงเงินที่เตรียมไว้สำหรับการจ่ายเงินส่วนต่างปาล์ม 6,128 ล้านบาท
2. เห็นชอบมาตรการคู่ขนาน สนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบกิโลกรัมละ 2 บาท โดยถ้าเข้าเงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศล้นจนสูงเกินกว่า 300,000 ตัน 2) ราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าราคาในตลาดโลก จะช่วยผู้ส่งออกกิโลกรัมละ 2 บาท จะดำเนินการจนถึงเดือน ก.ย.66 ตั้งวงเงินไว้ 309 ล้านบาท
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมฯ ยังมีความเห็นว่าควรจะปรับปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาราคาปาล์มที่ปรับลดลง ด้วยการปรับไบโอดีเซลจาก B5 เป็น B7 ซึ่งจะนำเสนอตามขั้นตอนไปสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ต่อไป
ขณะเดียวกัน ได้มีการสั่งการให้เข้มงวดเรื่องมาตรฐานการรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกร โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจเครื่องชั่งอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งห้ามลานเทใช้ตะแกรงร่อนลูกร่วง และเข้มงวดการจดทะเบียนลานเท และขอให้รับซื้อเฉพาะผลปาล์มสุกเพื่อจะได้ผลปาล์มที่มีคุณภาพ ทำให้เกษตรกรช่วยสนับสนุนการตัดผลปาล์มที่มีคุณภาพเข้าสู่ระบบต่อไปได้ด้วย
"ขณะนี้ราคาผลปาล์มปรับลดลงมา ส่วนหนึ่งเพราะราคาน้ำมันปาล์มดิบโลกปรับลดลงมาเยอะ ตลาดมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดกลางใหญ่ของโลก ราคาปรับลดลงมาถึง 17% ที่ประชุมฯ เห็นว่าควรช่วยส่งเสริมราคาปาล์มให้ปรับสูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง โดยเสนอให้ทำไบโอดีเซลจาก B5 เป็น B7 และเร่งรัดสนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มของไทยไปสู่ตลาดโลกมากขึ้น" นายจุรินทร์ ระบุ
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังมีความเป็นห่วงและเตือนไปยังเกษตรกรที่สนใจจะปลูกปาล์มใหม่ ให้ระมัดระวังในเรื่องต้นกล้าปาล์มปลอม ซึ่งมีระบาดในหลายพื้นที่ โดยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในทุกจังหวัดที่มีการปลูกปาล์มเข้มงวดกวดขันในเรื่องนี้ โดยเร่งประชาสัมพันธ์ ให้เครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่ที่รับผิดชอบรับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ หากเกษตรกรผู้สนใจที่จะปลูกปาล์มใหม่ ต้องการตรวจสอบว่าต้นกล้าปาล์มเป็นพันธุ์ที่แท้จริงหรือไม่ สามารถใช้บริการได้ที่กรมวิชาการเกษตร ซึ่งจะมีประจำทุกสำนักงานเกษตรอำเภอทั่วประเทศ จำนวน 882 ศูนย์ เพื่อได้รับความมั่นใจว่าเป็นพันธุ์ปาล์มที่ถูกต้อง หรือถ้าพบเบาะแสว่ามีการจำหน่ายพันธุ์ปาล์มปลอม ให้ช่วยแจ้งที่สายด่วน 1569 ของกระทรวงพาณิชย์ หรือกรมการค้าภายใน เพื่อจะได้ลงไปตรวจสอบหรือดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาได้ดำเนินคดีผู้ขายต้นกล้าปาล์มปลอมที่ จ.กระบี่ ไปแล้ว 2 ราย คิดเป็นจำนวน 42,800 ต้น มูลค่ารวม 7 ล้านบาท โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ