นายสมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Economic Intelligence Center (EIC) และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า EIC ได้มีการปรับเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 65 มาเป็น 7.4 ล้านคน จากเดิม 5.7 ล้านคน ซึ่งจะสามารถสร้างเม็ดเงินที่เป็นรายได้เข้ามาให้กับประเทศไทยได้ราว 3.7 แสนล้านบาท จากความต้องการเดินทางที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากกลับมาเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น โดยกลุ่มประเทศที่เดินทางมามาก ได้แก่ กลุ่มประเทศในเอเชีย เช่น มาเลเซีย อินเดีย ซาอุดิอาระเบีย และกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป ที่มาท่องเที่ยวระยะยาวและมีการใช้จ่ายที่สูง
ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวจากจีนนั้นในช่วงแรกอาจจะเป็นกลุ่มนักลงทุนจากจีนที่เดินทางเข้ามาติดต่อธุรกิจในไทย ซึ่งทางการจีนได้อนุญาตกลุ่มนักธุรกิจชาวจีนสามารถเดินทางออกมาติดต่อธุรกิจนอกประเทศได้ก่อน แต่เชื่อว่าปีหน้าหากจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ลงแล้ว จะเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนอีกมากที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทย และเมื่อภาคการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ได้ส่งผลบวกไปถึงทุกธุรกิจภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องในซัพพลายเชน เช่น ร้านอาหาร ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในประเทศ เป็นต้น
ขณะที่ภาคการเกษตรยังเป็นอีกส่วนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ หลังจากที่ฝั่งละตินอเมริกาและยุโรปเผชิญกับภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อผลิตผลสำคัญ อย่างข้าวโพด และถั่วเหลือง แต่ฝั่งประเทศไทยยังมีสภาพน้ำที่ดี สามารถเพาะปลูกได้ และผลผลิตอย่างอ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมันมีราคาดีขึ้นมาก ทำให้คาดการณ์ว่ารายได้เกษตรกรจะเพิ่มขึ้นราว 10% และกลุ่มสินค้าที่จะได้รับประโยชน์จากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ การบริโภคในประเทศ เช่น อาหารเครื่องดื่ม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย การเดินทางยานพาหนะ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย และกลุ่มวัตถุดิบประกอบบรรจุภัณฑ์
"จากภาพที่เราเห็นบรรยากาศข้างนอกไม่ค่อยสดใส แต่เมื่อหันมามองบรรยากาศข้างในบ้านเราแล้วดูมีความหวัง และความสดใสมาก ไม่ขมุกขมัวเหมือนข้างนอก ทำให้เรายังเห็นภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในทิศทางบวก หลังจากที่เราผ่านช่วงเวลาวิกฤติโควิดไปแล้ว แต่อาจจะมีขรุขระบ้างจากการต่อสู้กับปัจจัยภายนอกที่เข้ามารบกวนในบางช่วง" นายสมประวิณ กล่าว
สำหรับทิศทางของการบริโภคในประเทศแม้ว่าจะยังมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อ และราคาสินค้าที่สูงขึ้นเข้ามากระทบบ้าง แต่มองว่ายังพอมีกำลังซื้อจากกลุ่มที่มีรายได้สูงตั้งแต่ 50,000 บาท/เดือน ขึ้นไป เข้ามาช่วยพยุงได้บ้าง โดยเฉพาะในกลุ่มของสินค้าฟุ่มเฟือย รวมถึงการใช้จ่ายในท่องเที่ยวที่เจาะกลุ่มตลาดบน แต่กลุ่มที่มีรายได้ปานกลาง เริ่มเห็นสัญญาณการระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เพื่อรอดูสถานการณ์ต่างๆว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นเป็นอย่างไร แม้จะมีเงินเข้ามา แต่ก็ระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่ โดยจะซื้อของจำเป็นก่อน
โดย EIC มองว่ากลุ่มสินค้าที่จะเติบโตในปีนี้ ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค ที่เป็นสินค้าจำเป็น ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม กลุ่มที่เกี่นวข้องกับสุขภาพ การดูแลรักษาและตกแต่งบ้าน ส่วนสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ อาจจะไม่ค่อยดี เพราะคนกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ แต่ในส่วนของโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนยังพอไปได้ เพราะผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำของโลกมีการเปิดตัวโทรศัพท์ใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่จะเข้ามากระตุ้นกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้