นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมแผนผลักดันการส่งออกเชิงรุกและเชิงลึก ครึ่งหลังปี 2565 ว่า วันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้จัดประชุมทูตพาณิชย์จากทั่วโลก ทั้งหมด 42 ประเทศ รวม 58 สำนักงาน ร่วมกับภาคเอกชน เพื่อปรับแผนงานในการเพิ่มยอดการส่งออก และสร้างรายได้ให้กับประเทศมากขึ้น แม้ว่าต้องเผชิญกับปัญหาเช่นเดียวกับหลายประเทศในโลก ทั้งสงครามการค้า สถานการณ์โควิด สงครามรัสเซีย-ยูเครน และปัญหาความขัดแย้งของจีน-ไต้หวัน ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจของผู้ค้าของไทยชะลอตัว โดยบางประเทศมีแนวโน้มติดลบ รวมทั้งปัญหาการปรับขึ้นดอกเบี้ย ค่าเงิน และระบบการขนส่งสินค้า เป็นต้น
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ยังคงตั้งเป้าหมายการส่งออกในปี 65 นี้ไว้ที่การขยายตัว 4-5% ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.65) การส่งออกของไทยขยายตัวได้ถึง 12.7% ส่วนในเดือนก.ค.65 ขยายตัว 4.3% คิดเป็นรายได้จากการส่งออก 5.77 ล้านล้านบาท
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และภาคเอกชน รวมทั้งทูตพาณิชย์ไทยจากทั่วโลกปรับแผนเพื่อทำรายได้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง ได้มอบนโยบายจัดทำแผนทั้งเชิงรุกและเชิงลึก เพื่อทำรายได้จากการส่งออกให้ได้มากที่สุด
ซึ่งทูตพาณิชย์จากทุกประเทศ ได้จัดทำแผนร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และภาคเอกชน ทำแผนงานที่มีความชัดเจน จากเดิมกำหนดไว้กิจกรรมในปี 2565 ไว้ที่ 185 กิจกรรม เดินหน้าให้ได้ตัวเลขส่งออก 9 ล้านล้านบาท แต่แผนใหม่จะปรับเป็น 530 กิจกรรม มีกิจกรรมใหม่เพิ่มขึ้นอีก 345 กิจกรรม (แบ่งเป็นเชิงรุก 231 กิจกรรม และเชิงลึก 114 กิจกรรม) เพื่อผลักดันตัวเลขการส่งออกในครึ่งปีหลังให้เพิ่มขึ้นกว่าเป้าเดิมที่ทำไว้
สำหรับ 345 กิจกรรม ทั้งกิจกรรมเชิงรุกและเชิงลึก ได้แก่ การเร่งรัด Mini-FTA ส่งเสริมการค้าระบบออนไลน์ การจับคู่เจรจาธุรกิจ การนำซอฟพาวเวอร์ใส่สินค้าและบริการของไทย การให้ความสำคัญกับ BCG การเร่งรัดการเดินหน้าตามนโยบาย รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่และฟื้นตลาดเก่า โดยมีมาตรการรายละเอียดเพิ่มเติมชัดเจนมากขึ้น
ส่วนการเจาะตลาดใหม่ มีรูปแบบชัดเจนขึ้น คือ การเจาะตลาดเมืองรอง จากที่เน้นการเจาะเมืองหลักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งตลาดเมืองรองมีเป้าหมายชัดเจนจะเจาะทั้งหมดใน 36 ประเทศ 105 เมือง และเจาะตลาดสินค้าชนิดใหม่เพิ่มเติม เช่น ซาอุดีอาระเบีย ที่ตนนำคณะไปเจรจา จะเน้นสินค้าก่อสร้าง และการให้บริการด้านการก่อสร้าง และสินค้าเฟอร์นิเจอร์ เนื่องจากซาอุดีอาระเบีย มีนโยบายสร้างเมืองใหม่ นอกจากนี้ ยังเน้นเจาะตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง ในกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งถือเป็นสินค้าดาวเด่นในปีที่ผ่านมา เป็นต้น
"จะมีการกำหนดเป้าหมายตัวเลขชัดเจน เฉพาะครึ่งปีหลัง นอกจากเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ รวมทั้งปี 9 ล้านล้านบาท จะทำเงินให้ประเทศเพิ่มจากการส่งออกอีกไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะทำงานร่วมกับเอกชนภายใต้หลักคิด "รัฐหนุน เอกชนนำ"ต่อไป ร่วมกับทีมเซลล์แมนประเทศทั่วโลก" นายจุรินทร์ กล่าว