ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (19-23 ก.ย.) ว่า จะเคลื่อนไหวที่ระดับ 36.50-37.50 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงิน Dot Plots และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของเฟด ตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค.ของไทย รวมถึงกระแสเงินทุนต่างชาติและทิศทางค่าเงินหยวน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ก.ย. ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือน ส.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทอ่อนค่าทะลุแนว 37.00 บาท/ดอลลาร์ ไปแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีที่ 37.10 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ตามแรงขายเงินดอลลาร์ เพื่อปรับโพสิชันในช่วงก่อนการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีเงินบาทลดช่วงบวกทั้งหมดลงและพลิกอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI และ Core CPI ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งหนุนแนวโน้มการเร่งคุมเข้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ แม้เสียงส่วนใหญ่จะมองว่าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ย 75 basis points แต่ตลาดบางส่วนเริ่มมองความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะขึ้นมากกว่านั้นในการประชุม 20-21 ก.ย.นี้
นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงของเงินหยวนที่หลุดระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 ปี และการร่วงลงของราคาทองคำในตลาดโลกก็กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงเพิ่มเติมช่วงปลายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน อนึ่ง ธปท.ระบุว่า ยังคงติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด และพร้อมเข้าดูแลหากเงินบาทผันผวนมากผิดปกติ
ในวันศุกร์ที่ 16 ก.ย.65 เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีที่ 37.10 บาท/ดอลลาร์ ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 36.96 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับ 36.31 บาท/ดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (9 ก.ย.65) ขณะที่ระหว่างวันที่ 12-16 ก.ย.65 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 4,998 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflow เข้าตลาดพันธบัตรประมาณ 861 ล้านบาท แม้ซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 3,141 ล้านบาท แต่ก็มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 2,280 ล้านบาท