นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวไทยว่า ธุรกิจท่องเที่ยวผ่านช่วงที่ยากลำบากมากว่า 2 ปี จากสถานการณ์โควิด แต่เชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะกลับมาเป็นปกติได้ในเวลาไม่นาน เพราะไทยมีจุดแข็งในหลายด้านที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งก็เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ประสานสมาคมโรงแรม สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมเชฟประเทศไทย และภาคเอกชน เพื่อเดินเครื่องขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยรอบใหม่ เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวเพิ่ม พร้อมสร้างการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ในส่วนของการจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2022 (FHT 2022) ระหว่างวันที่ 21-24 ก.ย. 65 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และบริการ พบว่า มีผู้ให้ความสนใจร่วมจัดแสดงสินค้า และเข้าชมงานจำนวนมาก นับเป็นอีกเครื่องยืนยันว่าธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ กลับมาและมีอนาคตที่ดีกว่าเดิม
"กระทรวงฯ ตระหนักดีว่างานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น งาน Food & Hospitality Thailand 2022 มีความสำคัญอย่างมากต่อภาคธุรกิจ และยินดีให้การสนับสนุนการจัดงานฯ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการและผู้เข้าร่วมชมงานมีโอกาสที่จะได้ติดตามเทรนด์ใหม่ๆ พบเครื่องมือใหม่ๆ ในการพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ และมีเป้าหมายเดียวกันในการสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน" นายพิพัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้แนวโน้มนักท่องเที่ยวจะเข้ามามากขึ้น แต่ก็ต้องตระหนักว่าพฤติกรรมการท่องเที่ยวอาจต่างไปจากเดิม จากเทรนด์การท่องเที่ยวโลก ดังนั้น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจำเป็นต้องปรับตัวตามความต้องการใหม่ของนักท่องเที่ยวในทุกกลุ่มทุกวัย
สำหรับเทรนด์ท่องเที่ยวกระแสหลักของโลกปัจจุบัน ที่ภาคการท่องเที่ยวและบริการต้องติดตาม อาทิ การท่องเที่ยวเฉพาะบุคคล (Personalized traveling) การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวโดยคำนึงถึงสุขลักษณะ รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการหรือในโมเดลธุรกิจมากขึ้น
ด้านนายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า งาน Food & Hospitality Thailand 2022 ได้พัฒนาต่อยอดมาจากงาน Food & Hotel Thailand ที่จัดขึ้นต่อเนื่องมากว่า 27 ปี การกลับมาจัดงานใหม่อีกครั้งหลังสถานการณ์โควิด จึงมีความสำคัญอย่างมาก โดยการจัดงานฯ ครั้งนี้ได้ขยายการจัดงานให้ครอบคลุมในทุกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบริการ ทั้งธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สปา ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจการจัดเลี้ยง โรงพยาบาล ฯลฯ
นอกจากนี้ มีสิ่งใหม่เกิดขึ้น ทั้งการย้ายสถานที่จัดงานมาเป็นศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บนพื้นที่จัดงาน 10,000 ตารางเมตร มีการเพิ่ม 2 โซนใหม่ในการจัดงาน คือ โซนธุรกิจกาแฟและเบเกอรี่ (Coffee & Bakery Thailand) โซนธุรกิจร้านอาหารและบาร์ (Restaurant & Bar Thailand) พร้อมทั้งมีกิจกรรมสัมมนา workshop และการแข่งขันต่างๆ ที่จะช่วยในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ บุคลากร และผู้สนใจ
สำหรับการจัดแสดงสินค้านั้น มีบริษัทผู้ผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายทั้งไทยและทั่วโลกเข้าร่วมงานกว่า 300 ราย มีพาวิเลียนนานาชาติร่วมจัดแสดง 5 ชาติ ทั้ง อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงค์โปร และโปแลนด์ ร่วมนำสินค้า ผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบคุณภาพระดับพรีเมียม อุปกรณ์ เครื่องใช้ โซลูชั่น นวัตกรรมและเทคโนโลยีสำหรับธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และบริการร่วมจัดแสดงอย่างมากมาย โดยคาดว่าตลอด 4 วันของการจัดงาน จะมีเงินสะพัดขั้นต่ำมากถึง 100 ล้านบาท