นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยในงานสัมมนาหัวข้อ "เศรษฐกิจโลก-ไทย ผ่านพ้นวิกฤติ ? " โดยประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีการประชุมวันที่ 21-22 ก.ย. นี้จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เนื่องจากการเปิดเผยของเฟดในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮลระบุว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยก้าวใหญ่เป็นพิเศษอีก 1 ครั้ง โดยที่ผ่านมามองว่าตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่เฟดคาดการณ์ไว้ และจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐปรับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3-3.25%
สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.00% มองว่ามีโอกาสไม่มากนัก เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบันถือว่าดีกว่าเมื่อช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยอัตราเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวดีขึ้น ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มปรับตัวเข้าสู่สมดุลมากขึ้น ขณะปัจจัยเสี่ยงด้านราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ขายไม่ค่อยได้ และมีบ้านที่อยู่อาศัยเกินจำนวนถึง 11 เดือน โดยอยู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงหลังเกิดวิกฤติซับไพร์ม
"หากเป็นลักษณะนี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มเข้าสู่ภาวะที่สมดุลมาขึ้น หากคนไข้อุณหภูมิไม่สูงเหมือนเดิมเริ่มลดลงมาแล้ว ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้อุณหภูมิกลับขึ้นไปอีกหายไป แล้วดูอาการต่างๆดีขึ้นกว่าเดิม ไม่น่าจะเป็นโรคร้ายที่รุกรามขึ้นได้ถ้าเป็นลักษณะนี้เชื่อว่าเฟดคงจะไม่อยากขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 1%"นายกอบศักดิ์ กล่าว
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงต้นปี 66 และเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดขึ้นจากการที่เฟดนำมาใช้เพื่อที่จะสะกัดการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ
"เงินเฟ้อที่ระดับ 8% กว่าๆ กว่าจะลงมาที่ 2% ไม่ใช่เรื่องง่าย ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงตึงตัวอยู่พอสมควร เหมือนที่เฟดเคยเตือนว่าจะต้องยอมเจ็บ คือมีคนตกงาน บริษัทล้มละลาย ซึ่งจากที่เศรษฐกิจโตดีจะกลับมาเติบโตไม่ดี ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจก็โตไม่ดี โดยในไตรมาสนี้น่าจะเติบโตได้ 0-1% ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะให้เงินเฟ้อจากเราไป หลังจากนี้ตลาดจะมีอะไรเซอร์ไพรส์อีกเยอะ"นายกอบศักดิ์ กล่าว