ทั้งนี้ การค้าระหว่างไทยกับเวียดนามมีการพัฒนาการดีอย่างก้าวกระโดด โดยมูลค่าการค้าโดยรวมระหว่างไทยกับเวียดนามในปี 2564 อยู่ที่ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ เติบโต 20% จากปี 63 ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการส่งออกจากไทยไปเวียดนามถึง 12,500 ล้านดอลลาร์ เติบโต 12.3%
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเวียดนามยังมีนโยบายส่งเสริมการค้าเสรีและการลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้เวียดนามเป็นแหล่งลงทุนเป้าหมายสำคัญของนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งไทยซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 8 ในเวียดนาม ผู้ประกอบการจึงควรขยายความร่วมมือกับเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นการค้าขายระหว่างประเทศ หรือการลงทุนร่วมกัน
"ตลาดเวียดนาม ถือเป็นโอกาสที่สำคัญของผู้ประกอบการไทย โดยควรมองหาโอกาสเพิ่มเติม นอกจากการค้าขายสินค้าเพียงอย่างเดียว โดยภาคบริการถือเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไทยมีความเข้มแข็ง และมีขีดความสามารถ ทั้งภาคการท่องเที่ยว โรงแรม วัฒนธรรม และซอฟท์พาวเวอร์ ซึ่งไทยมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญ จึงต้องพาสิ่งที่เรามีความเข้มแข็งออกไปเปิดตัวสู่ภูมิภาคให้มากขึ้น นอกเหนือจากการสร้างการเติบโตภายในประเทศ แต่ยังต้องแสวงหาประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากประเทศอื่น ๆ ในลักษณะคู่ค้า เพื่อสร้างรายได้กลับเข้ามาในประเทศไทย" นายอาคม กล่าว
รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลไทยพร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ทั้งในมิติการค้า-การลงทุนระหว่างประเทศ รวมทั้งมิติการเงิน-การคลัง ผ่านการสนับสนุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ที่ทำหน้าที่เชิงรุกในการพัฒนา ให้ความรู้ สร้างความเชี่ยวชาญผ่านเครื่องมือทางการเงิน และเครือข่ายพันธมิตร เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการไทยเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดการค้าโลก
ตลอดจนขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy) ของไทย เชื่อมโยงกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาคในกรอบความร่วมมือภายใต้อาเซียนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC)
ด้านนายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ธนาคารได้ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเข้าไปอยู่ใน Supply Chain ธุรกิจ BCG ของเวียดนาม สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลเวียดนามที่ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง โดยปัจจุบันโครงการลงทุนในเวียดนามภายใต้การสนับสนุนของ EXIM BANK คิดเป็นมูลค่า 17,300 ล้านบาท ในหลากหลายธุรกิจ อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด และปิโตรเคมี เป็นต้น
สำหรับผลการดำเนินงานของ EXIM BANK ณ สิ้นเดือน ส.ค.65 มียอดคงค้างสินเชื่อโครงการระหว่างประเทศ 67,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธนาคารฯ ได้สนับสนุนธุรกิจไทยไปสู่กลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) และตลาดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยช่วง 8 เดือนแรกของปี 65 (ม.ค.-ส.ค.) ธนาคารฯ มีสินเชื่อคงค้าง CLMV และตลาดใหม่ อยู่ที่ 53,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นสินเชื่อคงค้างในเวียดนาม 14,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.4%