นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า แนวโน้มความเคลื่อนไหวราคาทองคำในระยะสั้นมองว่าแม้ว่ายังได้รับแรงกดดันจากประเด็นดอกเบี้ยขาขึ้น แต่นักลงทุนยังสามารถทำกำไรได้ตามรอบ ในกรอบแนวรับ 1,643-1,624 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวต้าน 1,684-1,703 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนนักลงทุนที่ต้องการถือยาวนั้นสามารถใช้แนวรับ 1,624 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นจุดเข้าซื้อได้
ส่วนราคาทองคำในประเทศนั้น มองว่าจะยังทรงตัวในกรอบ 28,500-30,000 บาทต่อบาททองคำ เนื่องจากสัญญาณค่าเงินบาทยังมีโอกาสอ่อนค่าเมื่อเทีบกับดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจัยผลกระทบเรื่องส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยทึ่ต่างจากสหรัฐมากขึ้น อย่างไรก็ดีแนะจับตาการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย วันที่ 28 ก.ย. นี้
ทั้งนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกยังคงได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) โดยล่าสุดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐพุ่งขึ้นไปที่ 3.0-3.25% นอกจากนี้เฟดยังส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1.25% ในการประชุมที่เหลืออีก 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดสิ้นปีนี้อยู่ที่ 4.25%-4.50% และสิ้นปีหน้า อยู่ที่ 4.50%-4.75% ดังนั้นทิศทางราคาทองคำจึงจะได้รับแรงกดดันจากนโยบายดังกล่าว
อย่างไรก็ดี การส่งสัญญาณแนวโน้มดอกเบี้ยดังกล่าว ก็ทำให้นักลงทุนทองคำสามารถปรับรูปแบบการลงทุนให้สอดคล้องกไปทิศทางเดียวกันด้วยการลงทุนผ่านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพราะเป็นการลงทุนที่สามารถทำกำไรได้ทั้งภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง หากนักลงทุนวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและคาดว่าแนวโน้มทิศทางราคาทองคำจะไปในด้านใด ก็สามารถเปิดสถานะการลงทุนได้ทั้งขาขึ้นและขาลง นอกจากนี้ข้อดีของการลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สคือใช้เงินลงทุนไม่สูงมาก ด้วยการวางเงินประกันเพียง 5-10% ของมูลค่าสัญญา
โดยวายแอลจีเปิดให้บริการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สทั้ง TFEX ของไทย และตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศ โดยปัจจุบัน YLG ได้ร่วมมือกับ CME Group เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่เทรดผ่าน YLG futures สามารถเข้าถึงทุกสินค้าของ CME Group ทุกบริการ เช่น Precious Metal futures ,Oil futures ,Cryptocurrency futures , Forex futures ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งกองทุนสถาบันในการเข้าไปซื้อขายสินค้า พร้อมเชื่อมต่อ Exchange ทั่วทั้งโลกไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง หรือ สิงคโปร์ ทำให้นักลงทุนและนักเก็งกำไรสามารถจัดการกับความเสี่ยงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ง่ายขึ้น