ผลสำรวจที่จัดทำโดยสมาพันธ์ภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีของไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส แอลแอลซี บ่งชี้ว่า ผลกำไรภาคธุรกิจการเงินในอังกฤษร่วงลงหนักที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามอิรักเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่วิกฤติการณ์ในตลาดสินเชื่อทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานผลสำรวจการประเมินผลกำไรของภาคธุรกิจการเงินรายไตรมาสซึ่งระบุว่า ปริมาณเงินหมุนเวียนในธุรกิจการเงินเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอังกฤษที่ชะลอตัวลดอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ท่ามกลางภาวะวิกฤติในตลาดสินเชื่อยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นในเร็ววัน
เอียน แมคคาฟเฟอร์ทีย์ นักวิเคราะห์จาก CBI กล่าวว่า "เราสามารถคาดการณ์ได้ว่าภาคธุรกิจการเงินจะเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากซึ่งภาวะเช่นนี้จะลุกลามเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเป็นวงกว้างมากขึ้น และแน่นอนว่าเศรษฐกิจจะยังคงต้องเผชิญภาวะชะลอตัวต่อไปในปีนี้และปีหน้าอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้"
นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามยังคาดการณ์ด้วยว่า บริษัทต่างๆจะมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้บริษัทเหล่านี้เกรงว่าวิกฤติสินชื่อจะยิ่งเลวร้ายลงในอีก 6 เดือนข้างหน้า
ธนาคารหลายแห่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อตามที่ได้คาดการณ์ไว้ โดยปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบธนาคารร่วงลงหนักที่สุดตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2534 ขณะที่ยอดการจ้างงานลดลงหนักที่สุดตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2543
ผลสำรวจระบุว่า ภาคธุรกิจการเงินมีเม็ดเงินหมุนเวียนร่วงลงอย่างหนักในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยมีเพียงร้อยละ 17 ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า ปริมาณเงินหมุนเวียนขยายตัวในช่วง 3 เดือนแรก ขณะที่ร้อยละ 47 กล่าวว่าปริมาณเงินหมุนเวียนในช่วงเวลาดังกล่าวปรับตัวลดลงสวนทางกับค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานที่ปรับตัวสูงขึ้น และแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะชะลอตัวลงจากผลสำรวจเมื่อ 4 ครั้งในก่อนหน้านี้ แต่คาดว่าจะย่ำฐานทรงตัวที่ระดับนี้ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของ CBI/PwC ที่มีขึ้นยังมีมุมมองต่อธุรกิจการเงินในแง่บวกอยู่บ้าง โดยผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่า ผลกำไรของธุรกิจดังกล่าวจะเริ่มมีเสถียรภาพในไตรมาสถัดไป
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--