นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในช่วง 9 ปีข้างหน้า (65-74) ว่า ยังมีแนวโน้มที่เติบโตได้ดี ซึ่งเป็นผลจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล การลงนามในความตกลงเขตการค้าเสรีของไทยกับหลายประเทศ รวมถึงปัจจัยสนับสนุนการส่งออกรถยนต์อื่นๆ
นายอนุชา กล่าวว่า เว็บไซต์ Research and Markets ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมผลงานวิจัยในด้านต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เผยแพร่ผลการสำรวจแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยระหว่างปี 65-74 (Research Report on Thailand's Automobile Industry,) ระบุว่า ด้วยปัจจัยทางภูมิศาสตร์ที่เหนือกว่า และการสนับสนุนจากรัฐบาล ประเทศไทยจึงเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และถูกเรียกว่าดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia) โดยในปี 64 มูลค่าส่งออกของการผลิตรถยนต์คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของ GDP ของประเทศไทย
สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย เน้นการส่งออก ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีการส่งออกรถยนต์มากกว่า 1 ล้านคัน ไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และยุโรปทุกปี ขณะที่ภาษีนำเข้ารถยนต์มีแนวโน้มว่าจะลดลง เนื่องจากไทยได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยมีนโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่พัฒนาไปมาก และมีผู้ผลิต (supplier) ชิ้นส่วนยานยนต์จำนวนมาก แม้ยังคงจะต้องนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ที่สำคัญอยู่
นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการรถยนต์ EV เพื่อสนับสนุนการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตามเป้าหมายของไทยในการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 93 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2608
"รัฐบาลมุ่งมั่นวางแผนดำเนินนโยบาย ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อกระตุ้นการลงทุนในประเทศไทย โดยอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอีกเป้าหมายสำคัญ เพื่อผลักดันไทยไปสู่การเป็นฐานการผลิต และการลงทุนยานยนต์ที่สำคัญของโลกหรือศูนย์กลางของภูมิภาค โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน โดยต้องการเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันในด้านต่างๆ ให้กับประเทศไทย ในขณะเดียวกัน ก็คำนึงถึงการรักษาความสมดุลของสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อส่งต่อโลกให้คนรุ่นใหม่" นายอนุชา กล่าว