นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในในงานสัมมนา "Thailand Economic Outlook 2023" หัวข้อ "ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ 2023 รอดหรือร่วง" ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 66 จะสามารถเติบโตได้จากแรงขับเคลื่อนของการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยราว 20 ล้านคน ซึ่งยังไม่รวมนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่คาดว่าจะเริ่มมีการเปิดประเทศหลังจากการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรับรองสี จิ้น ผิง เป็นผู้นำประเทศสมัยที่ 3 ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 2% จะเป็นส่วนช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ และคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในปี 66 ราว 7 ล้านคน ซึ่งหอการค้าไทยก็มีแผนที่จะผลักดันการท่องเที่ยวในเมืองรองให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
ด้านอุตสาหกรรมการแกษตรของประเทศไทยได้เตรียมผลักดันแผนการพัฒนาให้อุตสาหกรรมการเกษตรให้มีมูลค่าที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยประเทศไทยมีความได้เปรียบมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์และสามารถเป็นศูนย์กลางอาหารโลกได้ มองว่าเป็นทิศทางที่ดี
สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยแนะนำให้ทุกภาคส่งนเป็นเจ้าบ้านที่ดีในช่วงของการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC) ที่จะมีขึ้น เพื่อเป็นการเชิญชวนจะเป็นส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตได้อีกทางหนึ่งด้วย
"เอกชนไทยมีความเข้มแข็งมาก และเป็นหัวจักรสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เอกชนต้องการให้รัฐบาลช่วย เช่น การปลดล็อกข้อจำกัดต่างๆ การแก้ไขกฎหมายที่เป็นข้อติดขัด รวมถึงพยายามขับเคลื่อนดิจิทัล ทรานฟอร์เมชั่น"นายสนั่น กล่าว
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ประเทศไทยเร่งการปรับตัวมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา อาทิ เรื่องของ Digital Transformation การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย
ขณะที่ข้อได้เปรียบด้านอุตสาหกรรมในอดีตที่เคยได้ประโยชน์แต่ปัจจุบันไม่ได้ประโยชย์แล้ว คือด้านแรงงาน ทำให้ผู้ประกอบการของไทยเองก็จำเป็นที่จะต้องย้ายฐานการผลิตออกไปยังประเทศอื่น ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อหนีจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางด้วยการสร้าง New S-curve และจะเป็นผู้นำในหลายๆอุตสาหกรรมด้วยวัตถุดิบที่หลากหลายในประเทศ
"หากมีการเลือกตั้ง มีรัฐบาลใหม่ สิ่งสำคัญ คือ ความต่อเนื่องไม่ว่าเป็นรัฐบาลไหน อะไรที่ดีอยู่ให้ทำต่อ โดยหวังภาครัฐและเอกชนจับมือกัน เหมือนกับหลายประเทศ รวมถึงออกแบบกฎหมายใหม่รองรับโลกในอนาคตอย่างจริงจัง หากปลดล็อกเท่าไหร่ ประเทศยิ่งเติบโตเท่านั้น และความสามารถในการแข่งขันต้องทำร่วมกัน "นายเกรียงไกร กล่าว