ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เปิดเผยผลสำรวจผู้บริโภคในด้านการท่องเที่ยว พบว่า ภาพรวมคนไทยมีแนวโน้มท่องเที่ยวในประเทศ และต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นในระยะข้างหน้า อีกทั้งคนไทยที่มีแนวโน้มเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น จากการผ่อนคลายมาตรการเดินทางระหว่างประเทศทั่วโลก และยังคงเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ พฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวไทยมีความหลากหลายมากขึ้น และในแต่ละกลุ่มยังมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งกลุ่ม Generations และกลุ่มที่เดินทาง เช่น กลุ่มครอบครัว กลุ่มเพื่อน เป็นต้น อย่างไรก็ดี ภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง จะส่งผลให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบมีแนวโน้มรัดเข็มขัดลดค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวลง
EIC ระบุว่า คนไทยมีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า โดยในช่วงก่อนเกิดโควิด คนไทยกว่า 88% เดินทางท่องเที่ยวในประเทศอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี และราว 20% เดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากกว่า 5 ครั้งต่อปี ซึ่งวิกฤตโควิดที่ผ่านมา ด้วยความกังวลด้านสุขอนามัยและมาตรการจำกัดการเดินทาง ส่งผลให้คนไทยส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการเดินทางท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี หลังจากที่สถานการณ์โควิดในประเทศดีขึ้นเป็นลำดับ ประกอบกับภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ในช่วงต้นปี 65 คนไทยเริ่มทยอยออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น และมีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกในระยะข้างหน้า โดยคนไทยราว 85% วางแผนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกที่คนไทยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น อย่างไรก็ดี ด้วยผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ และคนไทยส่วนใหญ่ยังมีความกังวลด้านสุขอนามัย อาจส่งผลให้ความถี่ในการท่องเที่ยวลดลง
ทั้งนี้ ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ผู้ประสบปัญหาด้านรายได้มีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวน้อยลง โดยราว 1 ใน 4 ของผู้ประสบปัญหารายได้ลดลง และผู้มีปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายบ่อยครั้ง ไม่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวในระยะข้างหน้า
อย่างไรก็ดี ผู้ประสบปัญหาดังกล่าวส่วนใหญ่ ยังเลือกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอย่างน้อย 1 ครั้ง สะท้อนให้เห็นว่า แม้ภาวะเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อรายได้และรายจ่าย แต่คนไทยยังมีอุปสงค์คงค้างของการท่องเที่ยว (Pent-up demand) อยู่ค่อนข้างสูง
สำหรับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว คนไทยส่วนใหญ่เดินทางท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนกับครอบครัว และ 2 ปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลต่อการเลือกแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ ความสะดวกในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยด้านสุขอนามัยยังเป็นปัจจัยที่คนไทยคำนึงค่อนข้างสูง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่ม Baby boomer
ขณะที่ปัจจัยทางด้านราคาทั้งค่าใช้จ่าย และส่วนลดโปรโมชัน เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อนักท่องเที่ยวกลุ่ม Gen Y อีกทั้ง นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยังนิยมเลือกแหล่งท่องเที่ยวจากร้านอาหารอร่อย ร้านคาเฟ่ และจากสื่อ Social media ค่อนข้างสูง
ทั้งนี้ โรงแรม 4-5 ดาว ยังเป็นรูปแบบที่พักที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกใช้บริการ โดยที่พักที่ใกล้ชิดธรรมชาติจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มธุรกิจ และกลุ่ม Baby boomer ตามด้วยโรงแรม 2-3 ดาว ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวกลุ่มคนโสด และกลุ่มเข้าพักเป็นคู่/คู่รัก
ขณะที่ที่พักที่มีลักษณะเฉพาะตัว เช่น ลานกางเต็นท์/รถบ้าน และที่พักตากอากาศ/คอนโดให้เช่า จะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวราว 1 ใน 3 ยังมองหาที่พักที่ให้ความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม และที่พักที่มีอุปกรณ์ทันสมัยอีกด้วย
ด้านแพลตฟอร์มผู้ให้บริการจองที่พักออนไลน์ เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในภาคการท่องเที่ยว แต่ช่องทางการติดต่อกับผู้ให้บริการที่พักโดยตรง ยังเป็นช่องทางสำคัญที่นักท่องเที่ยวเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อกับผู้ให้บริการที่พักผ่านทาง Social media โทรศัพท์ หรือทางเว็บไซต์ โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่ จะจองที่พักผ่านทางแพลตฟอร์มผู้ให้บริการออนไลน์เป็นหลัก ในกลุ่มที่พักโรงแรมระดับ 2 ดาวขึ้นไป และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ขณะที่โรงแรมต่ำกว่า 2 ดาว โฮสเทล และที่พักที่มีลักษณะเฉพาะ นักท่องเที่ยวมักเข้าพักโดยไม่ได้จองล่วงหน้า (Walk-in)
EIC ระบุว่า คนไทยมีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่วางแผนเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า มีแนวโน้มวางแผนท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ในช่วง 1-2 ปีก่อนเกิดวิกฤตโควิด คนไทยราว 40% เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี ซึ่งหลังจากที่หลายประเทศทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศลง 65% ของคนไทยกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นปกติ เริ่มวางแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้นในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี แม้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะวางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศบ้างแล้ว แต่ราว 90% ยังเตรียมที่จะท่องเที่ยวในประเทศเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง โดยประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกอย่างเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม ซึ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z และ Gen Y กับกลุ่มที่มีรายได้สูง จะเป็นกลุ่มที่เตรียมออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นกลุ่มแรกๆ และส่วนใหญ่จะวางแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง
ขณะที่กลุ่ม Baby boomer และกลุ่ม Gen X มีแนวโน้มเริ่มออกเดินทางเป็นกลุ่มถัดมา สาเหตุหนึ่งมาจากความกังวลต่อสถานการณ์โควิดในต่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของกลุ่มนักท่องเที่ยวสูงอายุ โดยเมื่อนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เดินทางท่องเที่ยว ส่วนใหญ่ยังนิยมท่องเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์เป็นหลัก
จากผลสำรวจข้างต้น ภาคธุรกิจจะต้องให้ความสำคัญต่อความต้องการพื้นฐาน 3 ด้านหลักของการท่องเที่ยวของคนไทย ได้แก่ 1. การพักผ่อน 2. ความสะดวกในการเดินทาง และ 3. ที่พักใกล้ชิดธรรมชาติ
ขณะเดียวกัน ยังต้องเข้าใจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายมากขึ้น และในแต่ละกลุ่มยังมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งกลุ่ม Generations และกลุ่มที่เดินทาง ทั้งนี้ กลยุทธ์การตลาดอย่างการโปรโมตออนไลน์ และการจัดโปรโมชัน เป็นหนึ่งกลยุทธ์ที่สามารถเข้าถึงและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นช่องทางหลักที่นักท่องเที่ยวเลือกใช้
ขณะที่ปัจจัยด้านราคา ยังเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวในการตัดสินใจเลือกแหล่งท่องเที่ยว การใช้กลยุทธ์ Omni-channel เพิ่มช่องทางการขายให้หลากหลาย ทั้งผ่านแพลตฟอร์มผู้ให้บริการออนไลน์และช่องทางของผู้ให้บริการที่พักเอง เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้ช่องทางที่ตรงกับความต้องการได้มากที่สุด ขณะที่การสร้างประสบการณ์ความทรงจำที่พิเศษแก่นักท่องเที่ยว จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยปัจจุบัน นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ และมีแนวโน้มใช้จ่ายเพื่อได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างมากขึ้น
นอกจากนี้ การสร้างความมั่นใจด้านสุขอนามัยอย่างต่อเนื่อง ยังมีความจำเป็นเนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังมีความกังวลด้านสุขอนามัยอยู่ค่อนข้างสูง อีกทั้งประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมจะเพิ่มความสำคัญในภาคการท่องเที่ยวมากขึ้น จากกระแสรักษ์โลกของนักท่องเที่ยวไทยโดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่ให้ความสำคัญในด้านนี้เพิ่มสูงขึ้น และจะเข้ามาเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักในระยะข้างหน้า