นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และยูบีเอส คาดการณ์ว่า ค่าเงินบาทของไทย ค่าเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซีย และค่าเงินเปโซของฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มดีดตัวขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของทั้ง 2 ประเทศใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือในการควบคุมเงินเฟ้อ
เจพีมอร์แกนและยูบีเอสกล่าวว่า "ในเดือนก.พ.ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง 1.9% ขณะที่ค่าเงินเปโซร่วงลง 3% และค่าเงินรูเปียห์อ่อนตัวลง 1.5% เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเทขายพันธบัตรและหุ้นในตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม คาดว่า ธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารกลางอินโดนีเซียและธนาคารกลางฟิลิปปินส์ จะหาลู่ทางผลักดันให้สกุลเงินของประเทศแข็งแกร่งขึ้นเพื่อควบคุมตัวเลขการใช้จ่ายด้านการนำเข้า แทนที่จะใช้วิธีการเพิ่มต้นทุนการกู้ยืม เพราะดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐซบเซา"
คลอดิโอ ไพรอน นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน คาดการณ์ว่า "อัตราเงินเฟ้อของไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียมีแนวโน้มสูงขึ้นในเดือนมี.ค. โดยเราคาดว่าราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้น จะทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายผลักดันให้สกุลเงินในประเทศของตนแข็งขึ้นเพราะไม่ต้องการให้ต้นทุนนำเข้าข้าวสูงขึ้น โดยราคาข้าวในตลาด CBOT ที่นิวยอร์กขณะนี้อยู่ที่ระดับ 20.175 ดอลลาร์/100ปอนด์ สูงกว่าปีที่แล้วถึง 2 เท่า"
"ราคาข้าวที่พุ่งขึ้นจะสร้างความกังวลแก่เจ้าหน้าที่ผู้กำหนดนโยบายในเอเชีย และจะทำให้พวกเขาอ่อนไหวต่อทุกปัจจัยที่จะทำให้สกุลเงินในประเทศของตนเองอ่อนค่าลง เราคาดว่าค่าเงินบาทของไทยจะแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น และอัตราดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยรับมือกับเรื่องนี้ได้มากนัก" ไพรอนกล่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--