นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 66 ธนาคารออมสินเตรียมจะเข้าไปทำธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) เต็มตัว ซึ่งปัจจุบันธนาคารขนาดใหญ่หลายรายเข้ามาทำเรื่องนี้ เนื่องจากมีการคิดอัตราดอกเบี้ยสูง และมีกำไรค่อนข้างสูง ซึ่งในปีหน้า ธนาคารออมสินจะเข้าไปทำธุรกิจดังกล่าวด้วย โดยจะเป็นการปล่อยสินเชื่อบุคคล (P-Loan) โดยจะให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าตลาด -5% หรืออยู่ที่ประมาณ 20% จากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในตลาดอยู่ที่ประมาณ 25%
โดยธนาคารออมสินจะจัดตั้งบริษัทลูกที่เป็น non-bank เพื่อทำธุรกิจ P-Loan โดยจะเข้าไปแข่งขันเพื่อลดดอกเบี้ยในตลาด และดึงคนที่กู้จากสถาบันการเงินไม่ได้ หรือกลุ่มกู้หนี้นอกระบบ เข้ามาอยู่ในบริษัทดังกล่าว โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 66
"ถ้าเรามีบริษัทของเราเอง บริษัทนี้จะทำจะ digital lending 100% เราจะดึงคนเข้าสู่ระบบได้อีก และบริษัทนี้ต้นทุนต่ำมาก จะตั้งบริษัทใหม่ ทำแอปพลิเคชั่นใหม่ ทำฐานลูกค้าใหม่เป็น second brand ออมสิน เป็น second brand ของ Mymo เข้าสู่ตลาด non-bank บริษัทนี้จะไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ ใช้คนน้อย จ้างเด็กรุ่นใหม่ ให้ฐานเงินเดือนสูง แต่ประสิทธิภาพสูง ปรับตัวได้เร็ว" นายวิทัย กล่าว
โดยคาดว่า ในปี 66 จะมีความชัดเจนในเรื่องโครงสร้างธุรกิจ ซึ่งต้องมีการขอใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อน ทั้งนี้ นอกจากจะช่วยคนให้เข้าถึงสินเชื่อได้แล้ว ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบได้ด้วย
ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวต่อถึงแผนการดำเนินธุรกิจของออมสินว่า ธนาคารจะยังเดินหน้าในเรื่อง digital lending ผ่าน Mymo เหมือนเดิม ใช้ลูกค้าเหมือนเดิม และใช้พฤติกรรมการเดินบัญชีผ่านธนาคารออมสินเป็นหลัก ซึ่งจะทำบน MyMo โดยจะใช้ชื่อว่า MyCredit จะเริ่มดำเนินการภายในพฤศจิกายนนี้
โดยเป็นผลสืบเนื่องจากที่ผ่านมา ธนาคารใช้ MyMo เป็นหลักในการให้สินเชื่อกับลูกค้า แต่ยังมีข้อจำกัด ซึ่งสามารถทำเฉพาะในโครงการที่รัฐบาลสนับสนุนในเรื่องอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น ที่ผ่านมาจะเห็นได้จากการดำเนินการช่วยเหลือลูกค้าจากโควิด-19 แต่ปัญหาของสินเชื่อ Digital lending คือไม่สามารถตรวจสอบเรื่องของรายได้ว่ามีรายได้จริงตามที่บอกกับธนาคารหรือไม่ ดังนั้นที่ผ่านมา digital lending จึงใช้ข้อมูลจาก Alternative data หรือวิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลอื่น เช่น การชำระค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันธนาคารต่างๆ ที่ทำเรื่องนี้ค่อนข้างน้อย
โดยเบื้องต้น MyCredit จะเริ่มทดสอบให้วงเงินสินเชื่อ 10,000-30,000 บาท/ราย ผ่อนชำระไม่เกิน 2 ปี อัตราดอกเบี้ยเดือนละ 1-1.25% โดยกลุ่มนี้จะเป็นฐานลูกค้าเดิม ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้าตรงนี้ 13 ล้านราย โดยเบื้องต้นจะปล่อยสินเชื่อราว 100,000 ราย ซึ่งลูกค้ารายย่อยสามารถยื่นขอกู้ผ่านระบบออนไลน์ นับเป็นการก้าวสู่ Digital Lending อย่างเต็มตัว หลังจากประสบความสำเร็จการปล่อยกู้ในช่วงโควิด-19 รายย่อยยื่นขอกู้จำนวนมาก นำเงินไปใช้จ่ายช่วงปัญหาวิกฤติ