นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ภาคการผลิตในสหรัฐจะหดตัวลงด้วยอัตราที่เร็วที่สุดในรอบเกือบ 5 ปีในดือนมี.ค. เนื่องจากโรงงานต่างๆ ได้ลดกำลังการผลิตลงเพื่อตอบสนองต่อยอดขายที่ชะลอตัวลง
ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 71 คน ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ร่วงลงเหลือ 47.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2546 โดย 50% คือเส้นแบ่งระหว่างการขยายตัวกับการหดตัว ในขณะเดียวกัน อีกรายงานหนึ่งระบุว่าค่าใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างร่วงลงอีกในเดือนก.พ.
ภาคโรงงาน ซึ่งมีสัดส่วน 12% ของเศรษฐกิจทั้งหมด กำลังอยู่ในช่วงลดต้นทุนการผลิต หลังมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ลดลง ราคาพลังงานสูงขึ้น และอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ชาวอเมริกันมีการใช้จ่ายน้อยลง มีเพียงภาคการส่งออกเท่านั้นที่ช่วยพยุงไม่ให้ภาคการผลิตหดตัวลงมากกว่านี้
"เศรษฐกิจสหรัฐน่าจะขยายตัวที่ประมาณ 0%" ไมเคิล โมราน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากไดวา ซีเคียวริตี้ส์ อเมริกา กล่าว "เห็นได้ชัดว่าเศรษฐกิจสหรัฐไม่มีการเติบโต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายอดสั่งสินค้าจะหมดไป"
Tempe ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทซื้อขายในรัฐอาริโซน่า มีกำหนดเปิดเผยดัชนีการผลิตของบริษัท ณ เวลา 10.00 น.ตามเวลาวอชิงตัน ซึ่งสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่าจะอยู่ระหว่าง 44.9 - 50 จุด
ด้านกระทรวงพาณิชย์ก็มีกำหนดเปิดเผยรายงานภาคการก่อสร้างเช่นกัน โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าการลงทุนในโครงการก่อสร้างน่าจะลดลง 1% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ทั้งนี้ นอกจากการก่อสร้างที่พักอาศัยจะซบเซาแล้ว บริษัทรับเหมาก่อสร้างยังก่อสร้างโครงการเพื่อการพาณิชย์อย่างโรงแรมและโรงพยาบาล น้อยลงเช่นกัน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--