นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบกลาง วงเงิน 422 ล้านบาท เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินโครงการ "พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย" คาดว่าจะได้รับงบประมาณจากสำนักงบประมาณในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ กรมฯ เตรียมจะนำมาเปิดจุดจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพในราคาประหยัด แก่ประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ สินค้าเกษตร ผลไม้ เป็นต้น ในพื้นที่สาธารณะ หรือลานอเนกประสงค์ เช่น สำนักงานเขต การเคหะชุมชน สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือแหล่งชุมชนที่เหมาะสม มีคูหา 100-200 คูหา ตั้งเป้าหมายจัดไม่ต่ำกว่า 274 ครั้ง ระยะเวลาดำเนินการ 30 วัน เริ่มเดือนต.ค. นี้ เพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชน
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดขณะนี้ กรมฯ ได้หารือร่วมกับพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่น้ำท่วม รวมถึงผู้ผลิตสินค้า (ซัพพลายเออร์) ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้าส่ง ฯลฯ โดยได้ขอความร่วมมือให้เพิ่มปริมาณสต็อกสินค้าที่จำเป็น เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป และน้ำดื่ม โดยเฉพาะในห้างใหญ่ เพื่อสำรองจ่ายไปยังห้างสาขาย่อยๆ รวมถึงให้เพิ่มรอบการจัดส่ง และแยกศูนย์กระจายสินค้า (ดีซี) เป็นศูนย์ย่อยๆ เพื่อให้สะดวกในการจัดส่งสินค้า และทำให้การขนส่งเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
"ผู้ประกอบการทุกราย ยืนยันว่าการจัดส่งสินค้ายังปกติ ยังไม่พบว่าพื้นที่ใดมีปัญหา เพราะเราได้เตรียมแผนรับมือในสถานการณ์ฉุกเฉินไว้แล้ว ขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่าปริมาณสินค้ามีเพียงพอ ไม่ต้องกักตุน ซึ่งกรมฯ และพาณิชย์จังหวัดจะร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์สินค้า ทั้งด้านราคา และปริมาณอย่างต่อเนื่อง หากประชาชนพบเห็นการกักตุนสินค้า หรือขายสินค้าโดยไม่เป็นธรรม แจ้งได้ที่สายด่วนกรม โทร 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ" นายวัฒนศักย์ กล่าว
สำหรับกรณีการตรวจสอบพบมีการจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร หรือมีการกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่าย จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยจะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย จะมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ ส่วนใหญ่จะผิด คือ ไม่ปิดป้ายแสดงราคา และจำหน่ายราคาไม่ตรงตามป้าย
ส่วนการร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 ก.ย. 65 มีการร้องเรียน 2,483 ราย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดร้องเรียน 4,200 ราย ส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนกรณีผู้ค้าไม่ปิดป้ายแสดงราคา, จำหน่ายราคาแพง, ขายสินค้าไม่ตรงกับป้ายราคา, ใช้เครื่องชั่ง/มาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้มาตรฐาน, ไม่แสดงปริมาณหีบห่อ, บรรจุปริมาณไม่ครบตามที่แสดงไว้ ฯลฯ ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ และพบการกระทำผิดจริง จึงได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว
นายวัฒนศักย์ กล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือห้างจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าที่จำเป็นต่อในช่วงนี้เป็นพิเศษ โดยล่าสุดได้รับรายงานว่า ราคาสินค้าหลายรายการลดลง เช่น หมูเนื้อแดง ราคาลดลงกิโลกรัม (กก.) ละ 13 บาท จากเดิมกก. ละ 189 บาท เหลือกก. ละ 176 บาท ส่วนตลาดทั่วไป ในกรุงเทพฯ เฉลี่ยกก. ละ 185-190 บาท ต่างจังหวัดต่ำสุดกก. ละ 170-175 บาท หรือโดยเฉลี่ยลดลง 5-10 บาท, เนื้อไก่ เกือบทุกชิ้นส่วนราคาลดลงกก. ละ 5-10 บาท เช่น น่องติดสะโพก กก. ละ 95 บาท ลดจากกก. ละ 99 บาท ตลาดทั่วไปกก. ละ 90-95 บาท และไข่ไก่ ราคาลดลงจากราคาโครงสร้างเดิมฟองละ 10 สตางค์ นอกจากนี้ ข้าวสารถุง ขนาด 5 กก. ราคาลดลง 10-30%, อาหารกระป๋อง ลด 4-10%, เครื่องใช้ไฟฟ้า ลดสูงสุด 70% รวมถึงผลิตภัณฑ์ซักล้าง ส่วนสินค้าอื่นๆ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซีอิ๊ว มีการจัดโปรโมชันลดราคาต่อเนื่อง ขณะที่ผักสด มีทั้งปรับเพิ่มขึ้นและลดลง เนื่องจากช่วงนี้ฝนตกหนัก และบางพื้นที่มีน้ำท่วม ทำให้ผักเสียหายและออกสู่ตลาดลดลง โดยต้นหอม ผักชี ราคาสูงขึ้นกก. ละ 10-20 บาท, ผักกาดขาว ราคาต่ำกว่าปีก่อน, กะหล่ำปลี ราคาใกล้เคียงปีก่อน แต่ภาพรวมผักสดไม่มีปัญหาด้านราคา ปริมาณยังเข้าสู่ตลาดเป็นปกติ ไม่มีปัญหาขาดแคลน ส่วนปุ๋ยเคมี ราคาลดลงตามราคาในตลาดโลกแล้ว