นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 38.16 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจาก เปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 38.00 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่า จากความกังวลเรื่องสงครามในยูเครน และสถานการณ์โควิด-19 ในจีน โดยเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินภูมิภาค ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 37.94 - 38.22 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้บาทค่อนข้างผันผวน เนื่องจากมี Flow ไหลออกจากตลาดพันธบัตร 4 พันกว่าล้านบาท และอาจมาจากการค้าทองคำที่ ราคาลดลง" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 38.00 - 38.25 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 145.74 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 145.61 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 0.9697 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 0.9717 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,562.68 จุด ลดลง 7.89 จุด, -0.50% มูลค่าการซื้อขาย 51,876.61 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 683.65 ล้านบาท(SET+MAI)
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำจดหมายเปิดผนึกถึง รมว.คลัง โดยระบุถึงมติคณะกรรมการนโยบายการ
เงิน (กนง.) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อให้กลับเข้าสู่ระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพใน
ระยะยาว (policy normalization) และให้สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า โดยการปรับอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายควรดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังสามารถลดความ
เสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้ออาจเพิ่มสูงขึ้นจากแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่อาจมากกว่าที่ประเมินไว้
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ดัชนี KR-ECI เดือนก.ย. 65 ทรงตัวจากเดือนก่อน สถานการณ์น้ำท่วมส่งผลให้ครัวเรือนเริ่ม
กลับมามีความวิตกกังวลเกี่ยวกับรายได้และการจ้างงานเพิ่มขึ้น
- รัฐบาลคาดว่าในเบื้องต้นจะใช้งบประมาณในการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมราว 2.3 หมื่นล้านบาท พร้อม
ย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งลงพื้นที่สำรวจความเสียหายหลังน้ำลด เพื่อทำเรื่องเบิกจ่ายในการดูแล ฟื้นฟู และเยียวยาให้แก่ประชาชนต่อ
ไป
- ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ทิศทางการเคลื่อน
ไหวของทองคำในช่วงนี้ มองว่าทองคำเริ่มเปลี่ยนเทรนด์จากขาลงเป็นขาขึ้น เนื่องจากความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มผ่อนคลายลง เพราะส่วนหนึ่งตลาดรับรู้ปัจจัยนี้มาระยะหนึ่งแล้ว อีกส่วนหนึ่งตลาดคาดการณ์ว่าหากเฟดขึ้น
อัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงต่อเนื่องจะส่งผลต่อภาระดอกเบี้ยของรัฐบาลกลางสหรัฐที่ต้องจ่ายให้แก่เจ้าหนี้เช่นกัน
- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานในวันนี้ว่า อัตราว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.5% ในเดือนมิ.ย.-ส.ค.
จากระดับ 3.8% ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านั้น ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของอังกฤษยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว
- สถาบันการคลังศึกษา (IFS) เปิดเผยรายงานในวันนี้ (11 ต.ค.) โดยระบุว่า รัฐมนตรีคลังอังกฤษจำเป็นต้องลดการใช้
จ่ายภาครัฐ 6.2 หมื่นล้านปอนด์ (6.9 หมื่นล้านดอลลาร์) หรือปรับขึ้นภาษี เพื่อหยุดยั้งหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศในวันนี้ว่า BoE ตัดสินใจขยายขอบข่ายการซื้อพันธบัตรฉุกเฉิน โดยมีเป้าหมายที่จะ
ลดความผันผวนในตลาดพันธบัตร
- รัฐบาลเวียดนามระบุในวันนี้ (11 ต.ค.) ว่า เศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มขยายตัว 8% ในปีนี้ ซึ่งสูงเหนือเป้า
หมายอย่างเป็นทางการที่การขยายตัว 6.0% - 6.5%
- ซีอีโอของบริษัท Ark Investment Management ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยระบุว่า
การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงหลายครั้งเพื่อควบคุมเงินเฟ้อนั้น อาจจะเป็นการดำเนินการที่ผิดพลาด